ทางการเกาหลีใต้จับกุมประธานาธิบดียูน ซุก ยอล แห่งเกาหลีใต้ ได้สำเร็จ เมื่อเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น ก่อนนำตัวไปสอบปากคำร่วม 10 ชั่วโมง จากปมการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อเดือนที่แล้ว
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายโสมขาว เดินหน้าปฏิบัติการจับกุมผู้นำเกาหลีใต้ที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่งรายนี้ เมื่อเช้ามืดวันพุธ ทำให้ยูนกลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมขณะดำรงตำแหน่ง และต้องเผชิญกับโทษจำคุกเป็นเวลานานจากข้อหาก่อกบฎ
ในวิดีโอที่บันทึกไว้ไม่นานก่อนการจับกุม ยูนคร่ำครวญว่า “หลักนิติธรรมได้ล่มสลายไปแล้วในประเทศนี้” ก่อนจะยอมให้จับกุมตัวเพื่อลดเหตุวุ่นวาย
ก่อนหน้านี้ ยูนเก็บตัวอยู่ที่บ้านพักประธานาธิบดี ย่านฮันนัม-ดง ที่กรุงโซล มาหลายสัปดาห์ พร้อมประกาศว่าจะต่อสู้กับความพยายามจับกุมตัวเขาให้ถึงที่สุด และย้ำถึงความชอบธรรมของการประกาศกฎอัยการศึกของตนเมื่อ 3 ธ.ค. ปีก่อนว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องตามกฎหมายในการกำกับดูแลต่อฝ่ายค้านที่ "ต่อต้านรัฐ" ที่ใช้เสียงข้างมากฝ่ายในฝ่ายนิติบัญญัติขัดขวางวาระของเขา
หน่วยงานสืบสวนสอบสวนการทุจริต (CIO) ระบุว่าปฏิบัติการจับกมุปธน.ผู้นี้ในรอบแรกกินเวลา 5 ชั่วโมง ก่อนจะสำเร็จในความพยายามครั้งที่ 2 ที่ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเพื่อบุกเข้าไปในบ้านพักผู้นำเกาหลีใต้ โดยมีภาพของขบวนรถอเนกประสงค์สีดำพร้อมไฟไซเรน มุ่งหน้าออกมาจากบ้านพักปธน. ไปยังอาคารของ CIO ในกวาชอน โดยขบวนมีรถตำรวจประกบตลอดเส้นทาง
ผู้สนับสนุนปธน.ยูน ออกมาเดินขบวนใกล้กับอาคาร CIO ระหว่างที่สอบปากคำผู้นำรายนี้ โดยผู้ชุมนุมถือป้ายและตะโกนว่า “เราจะต่อสู้เคียงข้างปธน.ยูน ซุก ยอล”
ในวันพุธเช่นกัน มีรายงานชายคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัสหลังจุดไฟเผาตัวเองใกล้กับอาคารหน่วยงานสืบสวนสอบสวนการทุจริต อ้างอิงจากสำนักงานดับเพลิงกยองกี
หลังจากการสอบปากคำร่วม 10 ชั่วโมง ยูนถูกนำตัวไปคุมขังที่อุยวัง ใกล้กับกรุงโซล
หน่วยงานต่อต้านการทุจริตของเกาหลีใต้ระบุว่า อาจควบคุมตัวปธน.ยูน ไปหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน หรืออาจนานกว่านั้น
ทาง CIO นำทีมสืบสวนร่วมกับตำรวจและกองทัพเกาหลีใต้ ในประเด็นว่าการประกาศกฎอัยการศึกของผู้นำเกาหลีใต้รายนี้เป็นการก่อกบฏ มีเวลา 48 ชั่วโมงในการขอคำสั่งศาลให้จับกุมยูนอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากไม่สามารถทำได้ทันเส้นตายดังกล่าว ยูนจะได้รับการปล่อยตัว แต่หากเป็นไปตามขั้นตอนของ CIO ทีมสืบสวนสามารถยืดเวลาการควบคุมตัวยูนไปได้อีก 20 วัน ให้ส่งคดีต่อไปให้กับอัยการเพื่อดำเนินคดีต่อไป
หากอัยการเดินหน้าดำเนินคดียูนในข้อหาก่อกบฏและใช้อำนาจโดยมิชอบ ตามที่ทีมสืบสวนระบุไว้ ยูนอาจต้องถูกจับกุมไปจนกว่าจะมีการพิจารณาตดีในขั้นต้น ซึ่งต้องเกิดขึ้นภายใน 6 เดือนจากนี้ อ้างอิงจากปาร์ค ซุง-แบ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอาญาเกาหลีใต้
ภายใต้กฎหมายเกาหลีใต้ ผู้นำประเทศที่เผชิญกับข้อหากบฏ อาจต้องรับโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต หากถูกตัดสินว่ามีความผิด
ปาร์ค เสริมว่า “หากศาลตัดสินโทษจำคุกตั้งแต่แรก การควบคุมตัวยูนจะเดินหน้าต่อไป” และว่า “หากศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เขาจะรับโทษดังกล่าวทันที”
นอกจากนี้ รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการตำรวจ และผู้บัญชาการทหารของปธน.ยูน ต่างถูกจับกุมเนื่องจากบทบาทที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎอัยการศึกทั้งสิ้น ขณะที่ศาลแขวงกรุงโซล ระบุว่า การควบคุมตัวยูน มีเหตุผลเพียงพอที่จะตั้งข้อสังเกตว่าเขาก่ออาชญากรรมในฐานะ “ผู้นำการก่อกบฏ”
ทั้งนี้ อำนาจในบทบาทปธน.ของยูนถูกระงับไปเมื่อสภาถอดถอนเขาจากตำแหน่งเมื่อ 14 ธ.ค. และคดีถอดถอนยูนอยู่ในมือของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งอาจถอดถอนยูนได้อย่างเป็นทาง หรือปฏิเสธคดีดังกล่าวและแต่งตั้งยูนกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งก็ได้
อีกด้านหนึ่ง รักษาการผู้นำเกาหลีใต้ ชเว ซัง ม็อก ออกแถลงการณ์ในวันพุธ เรียกร้องให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยอารักขาประธานาธิบดี ควบคุมสถานการณ์ให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดการปะทะกัน
หลังจากการจับกุมคุมขังยูน รักษาการ ปธน. ชเว พบกับนักการทูตจากประเทศสมาชิกกลุ่มจี7 และตัวแทนจากสหภาพยุโรป เพื่อสร้างความมั่นใจว่ารัฐบาลเกาหลีใต้ยังคงมีเสถียรภาพ
ทางผู้นำพรรคฝ่ายค้าน Democratic Party ซึ่งขับเคลื่อนการถอดถอนยูน กล่าวว่าการจับกุมยูนถือเป็น “ก้าวแรกสู่การฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญ ประชาธิปไตย และการตระหนักถึงหลักนิติธรรม” ขณะที่ส.ส.จากพรรค People Power Party ของยูน ประณามการจับกุมผู้นำเกาหลีใต้ว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
- ที่มา: เอพี
กระดานความเห็น