หนึ่งในนโยบายที่แข็งกร้าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็คือการประกาศจัดการกับกลุ่มผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด ขณะที่สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐฯนำกำลังบุกจับผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายในรัฐต่างๆไปแล้วกว่า 680 ราย ท่ามกลางความวิตกกังวลของผู้อพยพนับล้านๆคนที่ต้องอาศัยกันอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ แม้หลายคนจะเป็นเด็กที่เกิดในอเมริกาก็ตาม
Cindy คุณแม่ลูกสามเป็นหนึ่งในคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่พักอาศัยในห้องแบ่งเช่าของอพาร์ทเมนท์ขนาด 1 ห้องนอนร่วมกับผู้เช่าคนอื่นๆอีกหลายคน
Cindy เกิดในประเทศกัวเตมาลา แต่เดินทางเข้าสหรัฐฯมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ เธอไม่เคยมีเอกสารเข้าเมือง แต่กัดฟันทำงานหาเลี้ยงตัวเองในสหรัฐฯมาตั้งแต่จำความได้
แน่นอนว่าเธอกลัวที่จะถูกจับถูกเนรเทศ แต่ก็ยอมเสี่ยงที่จะอยู่ต่อไปเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของลูกๆที่เกิดในอเมริกาของเธอ
เธอบอกว่า แม้จะไม่มีสถานะคนเข้าเมืองที่ถูกกฎหมายแต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยกับวิถีอเมริกันที่เธอเติบโตมามากกว่า เธอภูมิใจที่เกิดในกัวเตมาลาแต่เธอแทบไม่รู้จักวัฒนธรรมหรือวิถีของประเทศที่เธอจากมาเลย และความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอก็คือการได้อาศัยในอเมริกาอย่างถูกต้องในวันข้างหน้า
ประมาณการณ์ว่ามีคนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในกรณีคล้ายกับซินดี้ ทั่วอเมริกาอยู่ราว 11 ล้านคน กว่าครึ่งหนึ่งมาจากเม็กซิโกและประเทศแถบลาตินอเมริกา
ขณะที่นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นั้น พุ่งเป้าไปที่ความเข้มงวดกวดขันด้านคนเข้าเมืองมากขึ้น
มาตรการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เปิดไฟเขียวและกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่รัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่เพื่อจัดการคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์สร้างความหวาดหวั่นให้กับชุมชนชาวต่างด้าวอย่างกว้างขวาง
Rodrigo Aguirre เจ้าหน้าที่จากศูนย์แคธอลิคเพื่อการกุศล ที่แจกอาหารให้ผู้ยากไร้ ในกรุงวอชิงตัน สะท้อนความรู้สึกของผู้คนที่เขาได้สัมผัส ว่า ความหวาดกลัวกำลังแผ่วงกว้างอย่างเห็นได้ชัด หลายคนไม่กล้าเรียกร้องขอความช่วยเหลือ หลายคนกลัวว่าชื่อของพวกเขาจะตกไปอยู่ในมือของเจ้าหน้าที่และจะถูกส่งตัวกลับ
แม้จะเต็มไปด้วยความกังวลและความหวาดกลัว แต่กลุ่มคนเข้าเมืองในหลายรัฐฯทั่วอเมริกา พยายามรวมตัวสร้างพลังการต่อรองในสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยการรณรงค์นัดหยุดงาน ในกิจกรรมที่เรียกว่า 'A Day without Immigrants' เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ร้านค้าหลายแห่งติดป้ายประกาศให้ลูกค้าทราบถึงเหตุจำเป็นที่ต้องปิดร้านเป็นเวลา 1 วัน เนื่องจากไม่มีพนักงานซึ่งส่วนใหญ่ใช้แรงงานจากผู้อพยพเป็นแรงขับเคลื่อนธุรกิจ
Jackie Greenbaum เจ้าของร้านอาหาร ในกรุงวอชิงตัน บอกว่า แม้ว่าเธออยากจะเปิดบริการตามปกติแต่ก็ไม่สามารถทำได้ หากขาดแรงงานชาวต่างชาติหรือแรงงานเชื้อสายชาวฮิสแปนิค ซึ่งไม่เพียงจะเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจร้านอาหารเท่านั้น ยังเป็นแรงงานสำคัญในอุตสาหกรรมอื่นๆอีกจำนวนมาก และเธอกล้าพูดว่าธุรกิจของเธอไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีแรงงานเหล่านี้ และท้าทายด้วยว่าเจ้าของธุรกิจอีกไม่น้อยก็จะประสบปัญหาเช่นเดียวกับเธอหากขาดแรงงานผู้อพยพเป็นผู้ขับเคลื่อน
Andy Shaltal เจ้าของร้านอาหาร บอกว่า ถึงเวลาแล้วที่ชาวอเมริกันจะต้องหยุดคิดว่าผู้อพยพเหล่านี้เป็นตัวประกันในผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ต้องคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นมนุษย์มีชีวิตจิตใจเหมือนกับทุกคน
แม้มาตรการที่แข็งกร้าวจากนโยบายด้านผู้อพยพและคนเข้าเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะสร้างความระส่ำระสายและความหวาดหวั่น รวมทั้งผลกระทบต่อผู้อพยพและคนเข้าเมืองหลายล้านคนทั่วอเมริกา แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เช่นกันว่าแรงงานจากผู้อพยพเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนสำคัญของแรงขับเคลื่อนทางธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานอยู่ไม่น้อยเช่นกัน