กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 5.5% ในปีนี้ จากปัจจัยหนุนด้านวัคซีนโควิด-19 ที่ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้มากขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันนี้
ไอเอ็มเอฟ ปรับประมาณการเศรษฐกิจโลก เมื่อวันอังคาร ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวราว 5.5% เพิ่มขึ้นกว่าประมาณการเดิมเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ที่คาดว่าปีนี้เศรษฐกิจโลกจะโตได้ 5.2% ขณะที่ทิศทางเศรษฐกิจในปี 2022 ไอเอ็มเอฟคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 4.2%
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ระบุว่า การขยายตัวเศรษฐกิจโลกในรอบนี้จะรวดเร็วที่สุด เมื่อเทียบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ช่วงปี ค.ศ. 2010 หลังวิกฤตการเงินโลก โดยการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ของประชาชนทั่วโลกเพื่อสกัดการระบาดของโคโรนาไวรัส จะเปิดทางให้รัฐบาลนานาชาติผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ได้ และฉุดเศรษฐกิจโลกให้กลับฟื้นคืนมา หลังโลกเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
ด้านภาพรวมการค้าระหว่างประเทศในปีนี้จะสดใสกว่าปีก่อน ในมุมมองของไอเอ็มเอฟ ที่การเติบโตราว 8.1% ในปีนี้ จากที่หดตัวหนักถึง 9.6% ในปีก่อน
ไอเอ็มเอฟ ชี้ว่า นอกจากวัคซีนโควิด-19 แล้ว มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯรอบใหม่ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ จะเป็นปัจจัยหนุนผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ของสหรัฐฯ ให้ขยายตัวราว 5.1% ได้ในระยะ 3 ปีข้างหน้า หลังจากเศรษฐกิจอเมริกันหดตัวเป็นครั้งแรกที่ระดับ 3.4% เมื่อปีก่อน
ขณะที่เศรษฐกิจจีน จะขยายตัวได้ราว 8.1% ในปีนี้ หลังจากจีนเป็นประเทศขนาดเศรษฐกิจใหญ่เพียงประเทศเดียวที่ฟื้นตัวขึ้นมาเติบโตได้เมื่อปีที่แล้วที่ระดับ 2.3% เศรษฐกิจอินเดียจะขยายตัวได้ 11.5% ในปีนี้ มากกว่าประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ใดๆในโลก หลังจากอินเดียเจอภาวะเศรษฐกิจหดตัวแรกถึง 8% เมื่อปีที่แล้ว
ด้านเศรษฐกิจญี่ปุ่น ในมุมมองของไอเอ็มเอฟ คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3.1% หลังจากหดตัว 5.1% ปีก่อน ส่วนเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร หรือ กลุ่มยูโรโซน จะขยายตัวได้ราว 4.2% ในปีนี้ หลังจากหดตัว 7.2% เมื่อปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟ เตือนว่า โคโรนาไวรัสกลายพันธุ์ที่เริ่มระบาดในหลายประเทศ อาจกระทบกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกในปีนี้ได้เช่นกัน