รายงานที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาจากลอนดอน กล่าวว่า การลักลอบตัดไม้ทำลายป่าลดลงมาโดยตลอด นับตั้งแต่ปีค.ศ. 2002 เป็นต้นมา ในขณะเดียวกัน รายงานฉบับนี้กล่าวเตือนไว้ด้วยว่า ยังมีงานในเรื่องนี้ที่จะต้องทำกันอีกมาก
รายงานของ Chatham House สถาบันวิจัยในกรุงลอนดอนที่เพิ่งเผยแพร่ออกมากล่าวว่า การลักลอบตัดไม้ทั่วโลกลดลง 22% นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา เฉพาะในสามประเทศที่มีพื้นที่ป่ามากที่สุดในโลก คือ Cameroon บราซิล และอินโดนีเซีย ลดลงระหว่าง 50-75%
นาย Sam Lawson ผู้เขียนรายงานให้ความเห็นว่าที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลของการดำเนินการในประเทศที่เป็นผู้ผลิตไม้ และว่าการปฏิรูปในเรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วโลก
นาย Sam Lawson แห่งสถาบัน Chatham House กล่าวว่า ไม่เพียงแต่ประเทศผู้ผลิตดำเนินการป้องกัน ประเทศผู้บริโภคที่เป็นผู้สร้างความต้องการไม้ราคาถูก ก็ลดการใช้ผลิตภัณฑ์ไม้ และให้ความร่วมมือกับประเทศผู้ผลิตในการแก้ปัญหานี้
สหรัฐและสหภาพยุโรปออกกฎหมายใหม่ที่ห้ามการนำเข้าไม้ผิดกฎหมาย กล่าวคือ ไม้ที่พิสูจน์แหล่งที่มาไม่ได้ รายงานของ Chatham House ระบุว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่นำเข้าไม้ผิดกฎหมายมากที่สุดในโลก
ผู้เขียนรายงานฉบับนี้ กล่าวไว้ด้วยว่า แม้จะมีความก้าวหน้าในการปราบปรามต่อต้านการตัดไม้ทำลายป่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความกดดันของกลุ่มองค์กรและสื่อที่เรียกร้องความสนใจจากทั่วโลก แต่ก็ยังมีงานต้องทำกันอีกมาก ตัวอย่างเช่น ในขณะนี้ 40% ของไม้ในอินโดนีเซียเป็นไม้ที่ตัดมาอย่างผิดกฎหมาย
นักวิจัยของ Chatham House ยังระบุประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของการลดการตัดไม้ไว้ด้วย กล่าวคือจะช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำให้บรรยากาศห่อหุ้มโลกเปลี่ยนไป โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อย ในขณะที่ปกป้องการดำรงชีวิตของผู้คนราวๆหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกที่อาศัยป่าสำหรับหาอาหาร วัสดุก่อสร้างที่พักอาศัย ตัวยาบำบัดรักษาโรค และน้ำสะอาดสำหรับดื่มกิน
ผู้เขียนรายงานฉบับนี้ กล่าวไว้ด้วยว่า เมื่อมีการตัดไม้ทำลายป่า ลักษณะการดำรงชีวิตของคนเหล่านี้ถูกทำลายไปด้วย
รายงานของ Chatham House กล่าวไว้ด้วยว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โลกอนุรักษ์พื้นที่ป่าไว้ได้มากกว่าหนึ่งร้อยล้านไร่