บริษัทเทคโนโลยีจีน หัวเหว่ย (Huawei) เปิดตัวโทรศัพท์มือถือแบบไฮเอนด์ รุ่นล่าสุด Mate 40 พร้อมกันทั่วโลกในวันพฤหัสบดี และเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นที่สองที่ปราศจากแอฟพลิเคชั่นของกูเกิล จากมาตรการลงโทษของรัฐบาลอเมริกัน
หัวเหว่ย ในฐานะผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกในปัจจุบัน เปิดตัว Mate 40 สมาร์ทโฟนเรือธงของค่าย และจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นสุดท้ายที่ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต คิริน (Kirin) จากที่สหรัฐฯ ระงับการขายชิพให้หัวเหว่ยไปในปีนี้
ปีนี้ หัวเหว่ยเปิดตัว สมาร์ทโฟนเรือธง 3 รุ่น ได้แก่ Mate 40 รุ่นเล็กสุด Mate 40 Pro และ Mate 40 Pro+ ยังใช้ขุมพลังชิปเซ็ต คิริน 9000 ขนาด 5 นาโนเมตร รองรับ 5 จี ตัวเครื่องมาพร้อมกล้องหลักคมชัด 50 ล้านพิกเซล เพิ่มระบบ AI Tracking และมีระบบ SMART SENSOR ใช้งานโทรศัพท์แบบไม่ต้องแตะหน้าจอ
สำหรับราคาเริ่มต้น Mate 40 อยู่ที่ 1,064 ดอลลาร์ ส่วน Mate 40 Pro เริ่มต้น 1,418 ดอลลาร์ และ Mate Pro+ เริ่มต้น 1,655 ดอลลาร์ ส่วนรุ่น Mate 40 RS ที่เป็น Porsche Design สนนราคา 2,715 ดอลลาร์ แต่หัวเหว่ยยังไม่เคาะวันเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
ริชาร์ด หยู ประธานฝ่ายธุรกิจผู้บริโภคของหัวเหว่ย กล่าวในงานเปิดตัว Mate 40 ทั้ง 3 รุ่นว่า สำหรับหัวเหว่ยตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก จากที่บริษัทได้รับผลกระทบจากมาตรการลงโทษรอบใหม่ของรัฐบาลสหรัฐฯ และเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม และทำให้สถานการณ์ของหัวเหว่ยเลวร้ายไปมาก
ปัจจุบัน สมาร์ทโฟนของหัวเหว่ย ไม่ได้มีจำหน่ายอย่างกว้างขวางในสหรัฐฯ แต่ยังจำหน่ายในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย และเมื่อกลางปีนี้หัวเหว่ย เอาชนะซัมซุง (Samsung) ขึ้นครองบัลลังก์ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลกมาได้ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 20% ตามข้อมูลของ Canalys and International Data Corp.
อย่างไรก็ตามตำแหน่งอาจอยู่ไม่ได้นาน เพราะนักวิเคราะห์ มองว่า แม้หัวเหว่ยจะกักตุนชิปเช็ตเอาไว้ก่อนมาตรการลงโทษของสหรัฐฯจะมีขึ้น แต่คลังชิปที่กักตุนไว้อาจไม่เพียงพอในระยะยาว นอกจากนี้ประเด็นเรื่องแอปพลิเคชั่นกูเกิลที่หายไปของหัวเหว่ยเป็นรุ่นที่สอง ยังเป็นความท้าทายสำคัญของหัวเหว่ยในการรักษาตลาดนอกประเทศจีนในอนาคต
