ประชาชนฮ่องกงหลายหมื่นคนเดินขบวนตามท้องถนนในการประท้วงรัฐบาลรอบใหม่ในวันอาทิตย์ โดยบางจุดมีการปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ หลังจากที่ผู้ประท้วงปาระเบิดควันและก้อนอิฐใส่ตำรวจที่พยายามตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา
การประท้วงครั้งล่าสุดแบ่งเป็นสามส่วน โดยจุดใหญ่สุดอยู่ที่ย่านเกาลูน ซึ่งคาดว่ามีผู้ประท้วงราว 16,000 คน ส่วนใหญ่พากันตะโกนให้รัฐบาลปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง 5 ข้อ และยุบกองกำลังตำรวจปราบจลาจล ขณะที่ผู้ประท้วงในอีกสองจุดพากันตะโกนไล่ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง แครี แลม ออกจากตำแหน่ง
โดยประชาชนที่ออกมาเดินขบวนในวันอาทิตย์มิได้มีแต่กลุ่มหนุ่มสาวและนักศึกษาเหมือนที่ผ่านมา แต่มีคนทุกวัยรวมอยู่ด้วย
ทางด้านตำรวจฮ่องกงมีแถลงการณ์ว่า ได้ใช้กำลังตำรวจเพียงส่วนน้อยในการสลายการชุมนุมที่ย่านเกาลูน และมีการจับกุมผู้ประท้วงบางส่วน หลังจากมีผู้ก่อความวุ่นวายด้ายการปาระเบิดควันและก้อนอิฐใส่ตำรวจ นอกจากนี้มีรายงานการทำลายทรัพย์สินและใช้สเปรย์ฉีดพ่นตามที่สาธารณะหลายแห่ง รวมทั้งมีการปิดกั้นถนนบางเส้นด้วย
ขณะเดียวกัน ผู้ประท้วงบางส่วนพากันโบกธงชาติสหรัฐฯ ขณะมุ่งหน้าไปยังสถานกงสุลสหรัฐฯ ในฮ่องกง เพื่อแสดงความขอบคุณต่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ลงนามในร่างกฎหมายสองฉบับเพื่อสนับสนุนประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในฮ่องกง
ร่างกฎหมายฉบับแรกมีชื่อว่า Hong Kong Human Rights and Democracy Act ระบุว่า ในแต่ละปี สหรัฐฯ จะพิจารณาสิทธิพิเศษทางการค้าที่อเมริกามีต่อฮ่องกง และกฎหมายดังกล่าวยังได้ให้อำนาจทางการอเมริกันใช้มาตรการลงโทษต่อเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกงที่กระทำผิดด้านสิทธิมนุษยชน
โดยกฏหมายสิทธิมนุษยชนฮ่องกงฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 ธันวาคม
ส่วนร่างกฎหมายอีกฉบับหนึ่งเป็นการคว่ำบาตรการส่งออกแก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไทย กระสุนยาง และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ตำรวจใช้ในการสลายการประท้วง ไปยังฮ่องกง
ผู้ประท้วงบางคนถือป้ายที่มีข้อความว่า “Let's make Hong Kong great again” ซึ่งคล้ายกับคำขวัญในการหาเสียงของทรัมป์เมื่อปี ค.ศ. 2016
ทางกระทรวงต่างประเทศจีนยืนยันว่าจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างแข็งกร้าวต่อการตัดสินใจของสหรัฐฯ ในครั้งนี้