ตอนสิ้นปีพุทธศักราช 2487 กองกำลังนาซีเยอรมันผู้ยึดครองเนเธอร์แลนด์อยู่ห้ามส่งอาหารเข้าสู่พื้นที่บางส่วนในเนเธอร์แลนด์เป็นเวลาห้าเดือนเพื่อแก้แค้นเรื่องการโจมตีทางรถไฟในประเทศนั้นเพื่อขัดขวางไม่ให้ทหารเยอรมันเคลื่อนที่ได้สะดวก ระหว่างช่วงที่เกิดการขาดแคลนอาหาร มีการปันส่วนอาหารให้ชาวเมืองซึ่งมีสตรีมีครรภ์รวมอยู่ด้วยนั้นแค่วันละสี่ร้อยแคลอรี การวิจัยเกี่ยวกับเด็กผู้เกิดจากสตรีเหล่านั้นทำกันมาเป็นระยะๆ การวิจัยครั้งล่าสุด ซึ่งทำตอนที่ทารกผู้เกิดมาในช่วงที่มีการห้ามส่งอาหารนั้นอยู่ในวัยใกล้จะถึงหกสิบปีแล้ว นักวิจัยสตรี ซูซาน เดห์ รอย ( Susanne de Rooij ) และคณะนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัมตรวจหาสัญญาณที่ส่อว่า พวกเขามีอาการจิตเสื่อมในระยะต้นๆ
ในการวิจัยในหมู่เด็กที่เกิดในช่วงที่ทหารเยอรมันห้ามส่งอาหารและเด็กที่เกิดหลังจากนั้น นักวิจัยพบความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ยกเว้นเมื่อมีการใช้การวิธีทดสอบ Stroop test วิธีทดสอบดังกล่าวใช้การนำคำศัพท์ที่หมายถึงสีๆหนึ่งมาพิมพ์ในกระดาษคนละสี และขอให้ผู้รับการทดสอบไม่ต้องบอกสี แต่ให้บอกว่ากระดาษพิมพ์คำๆนั้นสีอะไร?
นักวิจัยสตรี ซูซาน เดห์ รอย กล่าวว่า การทดสอบด้านนั้นแสดงว่า ผู้ที่ขาดแคลนอาหารตอนที่มารดาเริ่มตั้งครรภ์แย่กว่าอีกกลุ่มนั้นทำให้เราคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะการวิจัยเมื่อไม่นานมานี้แสดงว่าเรื่องดังกล่าวเป็นหนึ่งในบรรดาสัญญาณที่ส่อถึงการที่คนจะเป็นโรค Alzheimer’s ในเวลาข้างหน้า
การวิจัยในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2513 อันเป็นช่วงที่เด็กเหล่านั้นโตเป็นหนุ่มจนถูกเกณฑ์เป็นทหารในกองทัพบกแล้วนั้นไม่พบข้อแตกต่างในด้านภูมิปัญญาระหว่างเด็กสองกลุ่ม แต่ผลการวิจัยครั้งที่ผ่านมาพบว่าสุขภาพของร่างกายของเด็กสองกลุ่มนี้แตกต่างกัน ซึ่งรวมถึงเรื่องการเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจร่วมหลอดเลือดและโรคเบาหวานกันมากขึ้นในหมู่เด็กที่เกิดจากมารดาที่ขาดแคลนอาหารตอนที่เริ่มตั้งครรภ์
นักวิจัยสตรี ซูซาน เดห์ รอย กล่าวว่า ข้อเท็จจริงที่ว่า การที่ผู้ประสพภาวะโภชนาการไม่สมส่วนถูกกระทบกระเทือนมากที่สุดนี้ชวนให้คิดว่าระบบประสาทส่วนกลางที่ร่างกายกำลังสร้างขึ้นในช่วงต้นๆของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเนื่องมาจากการขาดอาหารทำให้ระบบประสาทส่วนกลางไม่ดีหรือทำให้แก่ตัวเร็ว นักวิจัยสตรี ซูซาน เดห์ รอย และคณะจะติดตามดูเด็กที่เกิดในช่วงขาดแคลนอาหารสมัยสงครามโลกครั้งที่2 ต่อไปในขณะที่พวกเขาแก่ตัวลง เพื่อให้ทราบว่าภาวะโภชนาการไม่สมส่วนมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์อย่างไร?
งานวิจัยของนักวิจัยสตรี ซูซาน เดห์ รอย นี้ลงพิมพ์อยู่ในวารสาร The Proceedings of the National Academy of Science
