เมื่อย้อนดูเส้นทางสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์ และคามาลา แฮร์ริส จะเห็นว่าเต็มไปด้วยหลากหลายปริทัศน์ ที่สะท้อนถึงเข็มมุ่งในทางการเมือง ภายใต้บริบทความหลากหลายและแบ่งขั้วในสังคมสหรัฐฯ
“ถ้าคุณนับคะแนนโหวตที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผมชนะง่าย ๆ เลย ถ้าคุณนับโหวตที่ไม่ถูกกฎหมาย พวกเขาสามารถพยายามขโมยการเลือกตั้งไปจากเรา”
นั่นคือวาทะของโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 45 หลังแพ้การเลือกตั้งให้กับโจ ไบเดน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2020
หลังจากนั้น ทรัมป์ขอให้มวลชนผู้สนับสนุน ป้องกันไม่ให้สภาคองเกรสรับรองผลการเลือกตั้งครั้งดังกล่าว นำมาซึ่งเหตุการณ์การชุมนุมและจลาจลเมื่อ 6 มกราคม 2021 ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น และทำให้ทรัมป์ถูกยื่นถอดถอนจากตำแหน่งเป็นครั้งที่สอง
สำหรับรัส บิวต์เนอร์ และซูซาน เคร็ก นักข่าวสืบสวนสอบสวนจากนิวยอร์กไทม์ส ทรัมป์ คือภาพของ “คนที่มีความมั่นใจอย่างมากในสัญชาตญาณของตัวเอง”
เบตเนอร์และเคร็กร่วมกันเขียนหนังสือ “Lucky Loser” หรือแปลไทยว่า ‘ผู้แพ้ผู้โชคดี’ ที่พูดถึงเรื่องราวการให้ภาพตัวเองของทรัมป์ในฐานะมหาเศรษฐีพันล้าน
บิวต์เนอร์กล่าวว่า ทรัมป์เป็นคนที่แทบจะไม่เชื่อคนอื่นที่มีมุมมองความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเลย และเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่ทศวรรษ 1980 และทรัมป์จะทำในสิ่งที่ “เขาต้องการให้มันเกิดขึ้น”
ความยอดเยี่ยมของเขาในฐานะนักสร้างดีลของทรัมป์ เห็นได้จากรายได้หลายล้านจากมูลค่าที่มาจากชื่อ 'ทรัมป์' แต่เบื้องหลังความสำเร็จก็เต็มไปด้วยปัญหา ทั้งการถูกฟ้องล้มละลายหกครั้งและการถูกสั่งปิดคาสิโนหลายแห่ง
ภายใต้จังหวะชีวิตที่มีขึ้นและลง ทรัมป์ประกาศว่า “สุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ผมได้ลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ และเราจะทำให้ประเทศของเรายิ่งใหญ่อีกครั้ง”
จากวันนั้น ทรัมป์เข้าสู่เวทีการเมืองในฐานะแคนดิเดตประธานาธิบดีที่มีจุดยืนชาตินิยมและมีขั้วข้างที่ชัดเจน
เมื่อได้รับการเลือกตั้ง ทรัมป์แต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสามคนที่มีส่วนในการคว่ำการคุ้มครองของรัฐธรรมนูญต่อสิทธิการทำแท้ง
เมื่อต้นปี 2020 รัฐบาลของเขาเจอบททดสอบใหญ่จากการระบาดของโควิด-19 ที่ด้านหนึ่ง ชาวโลกได้เห็นมาตรการเร่งรัดการพัฒนาวัคซีนให้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งก็มีวาทะจากทรัมป์ ที่แนะนำให้นักวิทยาศาสตร์ลองศึกษาวิธีฆ่าเชื้อไวรัสด้วยการฉีดน้ำยาทำความสะอาดเข้าไปในร่างกาย
ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ ชาวอเมริกันมากกว่า 9 ล้านคนติดเชื้อโควิด-19 และยอดเสียชีวิตก็สูงกว่า 230,000 ราย
หลังลงจากตำแหน่ง ทรัมป์ตกเป็นจำเลยขึ้นโรงขึ้นศาลในหลายคดี และเป็นอดีตประธานาธิบดีคนแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาญาที่มีโทษหนัก
อย่างไรก็ตาม ความนิยมของเขากลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังรอดชีวิตจากการลอบสังหารสองครั้งในปีนี้ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งเพื่อกลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเป็นวาระที่สอง
คามาลา แฮร์ริส: จากความหลากหลายสู่เส้นทางสายการเมือง
โดยสรุป แฮร์ริสคือภาพของคนที่เติบโตมาจากพื้นที่ที่มีความหลากหลายและเป็นเสรีนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ และมีเส้นทางการเมืองทั้งในฐานะอัยการผู้บังคับใช้กฎหมายแบบเข้มข้น และนักปฏิรูปที่มองไปข้างหน้า
แฮร์ริสเล่าในงานประชุมใหญ่พรรคเดโมแครต ถึงปูมหลังชีวิตครอบครัวของเธอที่เกิดในย่านเบย์ แอเรีย นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มีแม่เป็นชาวอินเดียและพ่อเป็นชาวจาไมกาที่พบรักกันเมื่อครั้งเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตเบิร์กลีย์
แฮร์ริสกล่าวว่าความทรงจำแรก ๆ ของเธอ คือการถูกพาไปร่วมการชุมนุมตั้งแต่อยู่ในรถเข็น ซึ่งในทศวรรษ 1960 เป็นโมงยามที่สถานศึกษาของพ่อและแม่เธอเป็นศูนย์กลางของการชุมนุมเรียกร้องสิทธิพลเมืองอย่างสันติ
แคโรล พอร์เตอร์ เพื่อนวัยเด็กของแฮร์ริสเล่าว่า พวกเธอเป็นรุ่นที่สองของโรงเรียนรัฐบาลเบิร์กลีย์ที่จัดให้นั่งเรียนแบบไม่แบ่งแยกเชื้อชาติสีผิว แฮร์ริสเข้าเรียนที่นั่นหลังจากครอบครัวแยกทางกัน และย้ายตามแม่มาอยู่ที่อพาร์ตเมนต์เช่าในย่านเบิร์กลีย์
แฮร์ริสศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด (Howard University) และทำอาชีพอัยการในเวลาต่อมา ซึ่งในเวลานั้นอัยการยังเป็นเป็นอาชีพที่ชาวแอฟริกันอเมริกันมองในแง่ลบ สืบเนื่องจากยอดคนดำที่ถูกจับกุมคุมขังจำนวนมากในแคลิฟอร์เนีย ณ ขณะนั้น
ในปี 2002 แฮร์ริสลงแข่งขันเลือกตั้งชิงตำแหน่งอัยการประจำเขตซานฟรานซิสโก ถือเป็นตำแหน่งที่ผู้หญิงยังไม่เคยได้นั่งมาก่อน อ้างอิงตามแอนเดรีย ดิว สตีล นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ช่วยเหลือนักการเมืองหญิงในพรรคเดโมแครต
ท้ายที่สุด เธอสามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างเฉียดฉิว และมีผลงานทั้งในแง่จำนวนการตัดสินคดีความ จับผู้มีความผิดฐานใช้ความรุนแรงเข้าเรือนจำได้มากขึ้น รวมถึงนำผู้กระทำผิดที่เข้าเกณฑ์เข้าสู่กระบวนการบำบัด
ในปี 2010 เธอได้รับเลือกเป็นอัยการใหญ่รัฐแคลิฟอร์เนีย มีผลงานกดดันให้ธนาคารสหรัฐฯ ชดใช้เงินจำนวน 2 หมื่นล้านดอลลาร์จากการให้กู้ยืมที่เข้าข่ายปกปิดหลอกลวง ทำคดีการค้ายาและค้ามนุษย์ข้ามชาติ รวมถึงรณรงค์การสมรสของบุคคลเพศเดียวกัน
เธอได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในเวลาหกปีต่อมา และการใช้พื้นที่ของฝ่ายนิติบัญญัติเป็นปากเสียงให้กับการปฏิรูปนโยบายผู้อพยพ การรักษาสุขภาพ และกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ผนวกกับความแหลมคมในการซักถามและอภิปราย ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในเวทีระดับชาติ
ความเจิดจรัสในฐานะตัวบุคคลถูกท้าทายด้วยปัญหาในระดับทีมงาน เมื่อทีมหาเสียงของเธอไม่สามารถเก็บคนมีความสามารถเอาไว้ได้ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020
กระนั้น เธอและโจ ไบเดน ก็ชนะการเลือกตั้ง และแฮร์ริสก็ได้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคนแรกที่เป็นผู้หญิง และคนแรกที่เป็นคนผิวสี
ภายใต้เส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยการทลายเพดาน และเงื่อนไขที่เป็นบททดสอบทางการเมืองทั้งจากเรื่องคลื่นอพยพจากชายแดนตอนใต้ สงครามในหลายพื้นที่ รวมถึงสารพันปัญหาเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ เธอก็รับไม้ต่อจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน เข้าแข่งขันชิงตำแหน่งทางการเมืองกับตัวแทนฝ่ายรีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์
หากชนะเลือกตั้งครั้งนี้ เธอจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เป็นผู้หญิง และเป็นคนแรกที่มีเชื้อสายเอเชียใต้
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น