วันฮัลโลวีนซึ่งตรงกับวันที่ ๓๑ ตุลาคม เป็นวันฝรั่งปล่อยผี เป็นเทศกาลที่เด็กอเมริกันลุกขึ้นมาแต่งตัวเป็นตัวละครรูปร่างต่างๆ ทั้งตลกทั้งน่าเกลียดน่ากลัว แล้วออกไปเคาะตามประตูเพื่อนบ้านเพื่อขอขนม พอเจ้าของบ้านมาเปิดประตู เด็กๆก็จะพร้อมใจกันร้องว่า
trick or treat!
โดยที่ trick แปลว่าการเล่นแกล้ง และ treat แปลว่าขนม ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าเจ้าของบ้านไม่ยอมแจกขนม เด็กๆก็จะเล่นแกล้ง ด้วยการเอาสบู่หรือครีมโกนหนวดมาทาหน้าต่างบ้านหรือหน้าต่างรถ หรือเอากระดาษชำระมาแขวนห้อยไว้ตามกิ่งไม้หน้าบ้าน
คุณ Stephanie Stasik ซึ่งโตขึ้นมาในมลรัฐเวอร์จิเนีย ชานกรุงวอชิงตัน เนื่องจากคุณพ่อเคยเป็นข้ารัฐการรัฐบาลสหรัฐ เล่าว่าตอนเป็นเด็กเล็กๆ คุณพ่อคุณแม่อุ้มเธอไปขอขนมเพื่อนบ้านวันฮัลโลวีน แต่ก่อนจะออกจากบ้าน คุณพ่อคุณแม่คุยกันถึงเรื่องการเมือง และเรียกประธานาธิบดีนิกสันซึงกำลังเป็นประธานาธิบดีในช่วงนั้นว่า Tricky Dickie ซึ่งเป็นชื่อเล่นของประธานาธิบดีนิกสัน ที่แปลว่าประธานาธิบดีเจ้าเล่ห์
พอคุณพ่อคุณแม่ อุ้มคุณ Stephanie ไปเคาะประตูเพื่อนบ้าน แทนที่คุณ Stephanie จะร้องว่า trick or treat! เพื่อขอขนม กลับร้องว่า Tricky Dickie ที่แปลว่าประธานาธิบดีเจ้าเล่ห์ เป็นผลให้ทุกคนหัวเราะกันลั่น
ส่วนคุณ Bobby Layne สามีคุณ Stephanie ซึ่งโตขึ้นมาในมลรัฐ North Carolina และมีคุณแม่เป็นชาวญี่ปุ่น เล่าว่าตอนเป็นเด็ก คุณแม่ซึ่งเป็นเป็นช่างเย็บ เย็บเสื้อชุดปีศาจสีแดง มีหางยาว ให้ใส่ไปขอขนมวันฮัลโลวีน
คุณหนู Kasumi ลูกสาววัย 9 ขวบของคุณ Stephanie และคุณ Bobby เล่าถึงประวัติวันฮัลโลวีนว่า
เริ่มมาจากวัน Hallow’s Eve ซึ่งเป็นวันรำลึกถึงผู้เสียชีวิต จากนั้นก็กลายมาเป็นวันรำลึกถึงนักบุญในศาสนาคริสต์ วันฮัลโลวีนจึงเป็นวันที่เด็กๆลุกขึ้นมาแต่งตัวเป็นตัวละคร รูปร่างต่างๆ เพื่อขับไล่ภูติผีปีศาจร้ายออกไป
ในวันฮัลโลวีน เด็กๆในอเมริกานอกจากจะออกไปเล่น trick or treat เพื่อขอขนมเพื่อนบ้านแล้ว เด็กๆก็มักจะสลักฟักทองเป็นรูปหน้าคน ที่เรียกว่า Jack O’Lantern แล้วจุดเทียนในฟักทองให้เป็นแสงวับๆแวมๆ และตกแต่งบ้านให้เป็นเหมือนบ้านผีสิง พร้อมใยแมงมุมและสิ่งหน้าเกลียดน่ากลัวต่างๆ เช่น เลข 13 แมวดำ โครงกระดูก แม่มด พ่อมด ค้างคาว และผีดิบ เป็นต้น
(ชนิดา อังคณารักษ์ รายงานจากนครนิวยอร์ค)
