ประธานาธิบดี เรจิบ เทยิบ เออโดวาน แห่งตุรกี ประกาศให้พิพิธภัณฑ์โซเฟีย (Hagia Sophia / Ayasofya Museum) อันโด่งดังในนครอิสตันบูล กลายสภาพมาเป็นสุเหร่าเพื่อให้ชาวมุสลิมสามารถใช้ปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา หลังศาลสูงพิพากษาว่าการใช้สิ่งก่อสร้างอายุเกือบ 1,500 ปีนี้เป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลป์ต่างๆ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
ปธน.เออโดวาน ประกาศการเปลี่ยนแปลงสถานะของ สุเหร่าโซเฟีย ไม่นานหลังมีคำตัดสินออกมาในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น แม้ว่าจะมีเสียงเตือนจากนานาชาติที่ไม่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่ออนุสรณ์สถานเก่าแก่อันเป็นที่เคารพนับถือของทั้งผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามอย่างมาก
สหรัฐฯ และผู้นำโบสถ์มากมายแสดงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนสถานภาพของแหล่งมรดกโลกที่ได้รับคัดเลือกจากองค์การยูเนสโก ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของทั้งจักรวรรดิไบแซนไทน์ที่นับถือศาสนาคริสต์ และจักรวรรดิออตโตมันที่นับถือศาสนาอิสลามในอดีต และเป็นอนุสรณ์สถานที่มีผู้คนนิยมเข้าเยี่ยมชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของตุรกีด้วย
ขณะที่กระทรวงวัฒนธรรมของประเทศกรีซ เรียกคำพิพากษาของศาลตุรกีนี้ว่าเป็น “การยั่วยุอย่างเปิดเผย” ต่อโลกที่เจริญแล้ว ปธน.เออโดวาน แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการผลักดันให้ศาสนาอิสลามกลายมาเป็นศาสนาหลักในการเมืองของตุรกี ตลอดเวลา 17 ปีที่อยู่ในการเมืองมา
ทั้งนี้ สภาแห่งรัฐ ซึ่งเป็นศาลปกครองสูงของตุรกี ระบุในคำพิพากษาว่า ผู้พิพากษาสรุปว่า เอกสารประกอบการระงับข้อพิพาทที่ระบุให้ตัวอาคารสุเหร่าขณะที่ระบุให้การใช้พื้นที่ภายนอกอาคารเพื่อการอื่นนั้นไม่อาจถูกกฎหมายได้ และว่า การตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีเมื่อปี ค.ศ. 1934 ที่สั่งให้สิ้นสุดการใช้งานสิ่งก่อสร้างนี้ในฐานะสุเหร่า และเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์นั้นไม่ถูกต้องตามข้อกฎหมาย
และหลังปธน.เออโดวาน อ่านคำตัดสินนี้เสร็จสิ้น สมาชิกพรรครัฐบาล AK Party ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในรัฐสภา ต่างลุกขึ้นยืนปรบมือกันอย่างถ้วนหน้า
