วิกฤตหนี้กรีซสั่นสะเทือนตลาดการเงินทั่วโลก โดยดัชนีหุ้นที่สำคัญทั้งในยุโรป เอเชีย และอเมริกา ลงแรงเกือบ 2% เป็นอย่างน้อย ขณะที่ดอกเบี้ยพันธบัตรกรีซและหลายประเทศในยุโรปเพิ่มสูงขึ้นเพื่อสะท้อนความเสี่ยง
ความปั่นป่วนในตลาดการเงินเกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่กรีซกล่าวว่าจะไม่สามารถจ่ายหนี้คืนกองทุนการเงินระหว่างประเทศมูลค่า 1,800 ล้านดอลลาร์ได้ ณ วันกำหนดชำระหนี้วันอังคาร เพราะยังไม่สามารถเจรจารับเงินกู้ต่อจากประเทศกลุ่มยูโรโซนได้สำเร็จ
การผิดชำระหนี้ถูกมองว่าเป็นบันไดไปสู่การที่กรีซอาจต้องออกจากกลุ่มยูโรโซน ซึ่งจะถือเป็นประเทศแรกตั้งแต่เกิดเงินสกุลยูโรเมื่อ 16 ปีก่อน
กรีซต้องการจัดการลงประชามติก่อนว่าประชาชนต้องการรับมาตรการปฏิรูปเศรษฐกิจหรือไม่ เพราะเป็นเงื่อนไขของการรับเงินช่วยเหลือ แต่การทำประชามติดังกล่างจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ซึ่งเลยวันชำระหนี้กองทุนการเงิรระหว่างประเทศ
ในการหยั่งเสียงผู้มีสิทธิ์ลงประชามติขั้นต้น คนส่วนมากแสดงความเห็นอย่างฉิวเฉียดว่าเห็นว่ากรีซควรรับเงื่อนไขของกลุ่มยูโรโซน นายกรัฐมนตรี Alexi Tsipras กล่าวว่าตนจะยอมรับมติของประชาชนไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร
อย่างไรก็ตามเขาบอกด้วยว่า รัฐบาลของตนจะไม่เป็นผู้ลงมือนำการปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่รวมถึงการตัดงบประมาณ และขึ้นภาษีประชาชน มาปฏิบัติ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นักลงทุนนิ่งนอนใจเกี่ยวกับผลที่จะเกิดขึ้นหากกรีซออกจากยูโรโซน แต่ข่าวที่ออกมาวันนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้คนตระหนักถึงเรื่องนี้มากขึ้น และข่าวเรื่องหนี้ของกรีซน่าจะกดดันการลงทุนทั้งสัปดาห์
รายงานโดย Henry Ridgewell, Steve Herman และสำนักข่าวต่างประเทศ, เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท