กูเกิล (Google) ประกาศความสำเร็จในการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) เพื่อช่วยประหยัดการใช้เชื้อเพลิงและลดความล่าช้าในการเดินทางบนท้องถนนเพราะการจราจรที่คับคั่งลงได้ 10-20 เปอร์เซ็นต์ จากการทดลองโครงการดังกล่าวในอิสราเอล พร้อมวางแผนขยายการทดสอบดังกล่าวไปยังบราซิลต่อไป
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า โครงการวิจัยในเฟสเริ่มต้นนี้ของ กูเกิล เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานริเริ่มการใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ใหม่ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ พนักงานบางส่วนและกลุ่มนักเคลื่อนไหวบางกลุ่มออกมาเรียกร้องบริษัท อัลฟาเบท (Alphabet) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ กูเกิล และเป็นบริษัทที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ใช้อิทธิพลของตนอย่างเร่งด่วนเพื่อจัดการกับวิกฤตดังกล่าว
แต่ขณะที่ กูเกิล ยังไม่ได้ออกมาแสดงจุดยืนต่อคำเรียกร้องของกลุ่มที่เฝ้าวิพากษ์วิจารณ์ตนให้ยุติการจำหน่ายเทคโนโลยีให้กับบริษัทน้ำมันหรือให้การสนับสนุนทางการเงินแก่นักการเมืองที่ปฏิเสธเรื่องของภาวะโลกร้อน บริษัทแห่งนี้ได้จัดลำดับความสำคัญในการดำเนินธุรกิจใหม่โดยเน้นคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนเป็นหลักแล้ว
ในส่วนของการทดลองในอิสราเอลนั้น กูเกิล มีแผนที่จะนำระบบปัญญาประดิษฐ์ในการควบคุมสัญญาณไฟจราจรไปทดลองที่นคร ริโอ เด จาเนโร ซึ่งหน่วยงานเทศบาลผู้ดูแลการจราจรหวังไว้อย่างมากว่า จะมาช่วยบริหารจัดการระบบสัญญาณไฟให้ดีขึ้นและประหยัดเวลาของผู้ใช้รถใช้ถนนมากขึ้น โดยตัวแทนของหน่วยงานดังกล่าวบอกกับ รอยเตอร์ว่า ทีมงานคาดว่าจะนำระบบ AI นี้มาใช้งานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และจะมีการประกาศจุดที่มีการทดสอบต่อไป
อเล็กซานดาร์ สเตวาโนวิค รองศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม จากมหาวิทยาลัยแห่งพิตต์สเบิร์ก ให้ความเห็นว่า การทดลองเสมือนจริงแสดงให้เห็นว่า ระบบ AI ช่วยทำให้การจราจรลื่นไหลได้ดีขึ้น แต่ก็ตั้งคำถามว่า ในที่สุดแล้ว บริษัทเทคโนโลยีที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการจราจรจะสามารถนำซอฟต์แวร์นี้มาใช้งานในวงกว้างได้จริงหรือไม่ เพราะ “ทุกๆ ปี มักมีคนออกมาอ้างว่าสามารถทำสิ่งที่มหัศจรรย์อยู่ตลอดเวลา”
(ที่มา: สำนักข่าว รอยเตอร์)