สภาพยาบาลระหว่างประเทศ (International Council of Nurses – ICN) ออกโรงเตือนว่า ขณะนี้ ทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตบุคลากรด้านการพยาบาลอยู่และอาจจะเกิดภาวะขาดแคลนพยาบาลครั้งรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้านี้แล้ว
ICN รายงานว่า การสำรวจสมาคมการพยาบาลแห่งชาติจำนวน 64 แห่งที่เป็นตัวแทนของพยาบาลราว 27 ล้านคนทั่วโลกเมื่อไม่นานมานี้พบว่า บุคลากรจำนวนไม่น้อยตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพเนื่องจากปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าตอบแทน สภาพแวดล้อมในการทำงาน เหตุความรุนแรงและการถูกข่มขู่
นอกจากนั้น ผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ยังเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้บุคลากรด้านการพยาบาลจำนวนมากละทิ้งอาชีพของตน เนื่องจากต้องปฏิบัติหน้าที่เป็นระยะเวลาติดต่อกันหลายชั่วโมงและเต็มไปด้วยความเครียด โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันเพียงพอ จนส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพจิตกับหลายคน
ฮาวเวิร์ด แคตตัน ซีอีโอของ ICN กล่าวว่า นักการเมืองและผู้นำประเทศทั้งหลายรับรู้ถึงคุณค่าของพยาบาลที่ทำหน้าที่ดูแลผู้ป่วยด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่กลับไม่เคยตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของพยาบาลที่มีต่อสังคมและการตอบแทนกลับคืนอย่างเหมาะสมเลย
รายงานข่าวระบุว่า พยาบาลในหลายประเทศ เช่น ซิมบับเว เลบานอน ไอร์แลนด์เหนือ หรือแม้แต่ในสหรัฐฯ ทำการประท้วงหยุดงานเพื่อเรียกร้องการปรับขึ้นค่าตอบแทนและการจัดสรรสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดีขึ้นกันไปแล้ว ขณะที่ รายงานเกี่ยวกับข้อพิพาทและความไม่พอใจ รวมทั้งข้อกังวลของบุคลากรด้านการพยาบาล ได้ทำให้ผู้คนทั่วไปเริ่มไม่สนใจที่จะประกอบอาชีพนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน การระบาดของโควิด-19 ยังส่งผลให้ระบบการศึกษาของพยาบาลในช่วงที่ผ่านมาดำเนินไปอย่างล่าช้า ซึ่งทำให้พยาบาลใหม่ที่จะเริ่มปฏิบัติหน้าที่จริงต้องรออย่างน้อย 6 ถึง 12 เดือนด้วย
ICN กล่าวว่า ปัญหาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นทั่วโลก แต่มีความรุนแรงกว่าในประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลาง ขณะที่ประเทศที่ร่ำรวยกว่าใช้วิธีแก้ปัญหาของตนด้วยการพยายามจ้างพยาบาลจากประเทศที่ยากจนกว่า จนทำให้เกิดภาวะสมองไหลไปแล้ว