สำนักข่าวเอพีรายงานว่า การระบาดของโคโรนาไวรัสอาจจะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าใกล้ภาวะวิกฤติมากขึ้น หลังจากมีมาตรการปิดร้านค้า สวนสนุก ยกเลิกคอนเสิร์ต งานประชุม สัมนา และผู้คนงดเดินทาง ส่งผลต่อการจ้างงาน และผลประกอบการของหลายบริษัททั่วโลก
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะลดลงเหลือ 2.4% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิฐโลกปี ค.ศ. 2009 และต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3%
ในเอเชีย โตเกียวดิสนีย์แลนด์และยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอ ในญี่ปุ่น ประกาศปิดชั่วคราว ในขณะที่งานรื่นเริงต่างๆ ที่คาดว่าจะทำให้มีผู้เข้าชมนับหมื่นถูกยกเลิกไปเช่นกัน รวมถึง คอนเสิร์ตของวงเคป๊อบเกาหลีชื่อดังอย่าง BTS
กิจกรรมในภาคการผลิตของจีนประจำเดือนกุมภาพันธ์ดิ่งลงไปที่ 35.7 ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 12 ปี หลังจากกิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศต้องหยุดชะงักท่ามกลางการระบาดของไวรัส
ในยุโรป หลายบริษัท เลื่อนการลงทุนหรือขยายธุรกิจออกไปก่อน ขณะที่อิตาลี ยอดการจองโรงแรมลดลง ทำให้ผู้นำอิตาลีเผยว่าอาจจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในสหรัฐฯ บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ได้ขอให้พนักงาน 800,000 คนเลื่อนการเดินทางที่ไม่จำเป็นออกไป
ในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันเสาร์ ได้ขอให้ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ “เฟด” ลดดอกเบี้ยลงไปอีก โดยบอกว่าจะก่อให้เกิดผลดีในด้านจิตวิทยา หลังจากที่ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งดัชนีดาวโจนส์ของสหรัฐฯ ร่วงหนักในสัปดาห์ก่อน ทำให้เป็นสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดของดัชนีหุ้นตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจโลกเมื่อสิบสองปีก่อน
ซึ่งเจอร์โรม พาวเวล ประธานเฟด บอกว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังเข้มแข็ง และจะใช้ “เครื่องมือ” ของเฟดเข้าช่วยเหลือหากมีความจำเป็น