ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ วันนี้ปรับตัวลดลง โดยเหตุผลหลักมาจากราคาหุ้นของบริษัท General Electrics (GE) ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าอิเลคทรอนิคส์และอุตสาหกรรมรายใหญ่ของสหรัฐฯ ตกลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน หลังจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่าแผนปรับขนาดโครงสร้างของบริษัท GE เพื่อให้มีขนาดเล็กลงนั้น จะสามารถกอบกู้ธุรกิจของ GE ได้จริง
ราคาหุ้นของ GE ลดลง 8.2% อยู่ที่ระดับ $17.46 ในวันอังคาร หลังจากลดลงมาแล้ว 7.2% เมื่อวันจันทร์ ถือเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์การเงินเมื่อปี ค.ศ. 2009 และทำให้ราคาหุ้นของ GE ลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
เมื่อวานนี้ ซีอีโอคนใหม่ของ GE นายจอห์น แฟลนเนอรี ได้ประกาศแผนปรับขนาดของบริษัทให้เล็กลง และมุ่งไปที่อุตสาหกรรมหลัก 3 ประเภทเท่านั้น คือ ไฟฟ้า การบิน และการแพทย์ แทนการครอบครองอุตสาหกรรมมากมายหลายประเภทอย่างในปัจจุบัน
แผนดังกล่าวถือเป็นการหันหลังให้กับยุทธศาสตร์การทำธุรกิจแบบดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งบริษัท GE และมีผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นของ GE ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ GE ยังจะลดจำนวนคณะกรรมการบริหารลงจาก 18 คน เหลือเพียง 12 คน ลดตำแหน่งงานราว 1,500 ตำแหน่งทั่วโลก และลดต้นทุนอื่นๆ รวมทั้งหมด 2,000 ล้านดอลลาร์ภายในปีหน้าด้วย