หลังจากที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม สื่อต่างชาติให้ความสนใจกับกำหนดการเยือนครั้งนี้ เช่นสำนักข่าวบลูมเบิร์ก เอพี เอเอฟพี ที่ต่างพาดหัวว่า ทั้งสองประเทศกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์เต็มรูปแบบหลังเกิดข้อพิพาทคดีเพชรบลูไดมอนด์มาเกือบสามสิบปี
ทางด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานโดยอ้างสื่อทางการของซาอุฯ ว่า เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารของซาอุดีอาระเบีย และนายกฯ ไทย ตกลงแต่งตั้งเอกอัครราชทูตภายในอนาคตอันใกล้ และจะยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ขณะที่สายการบินซาอุเดียทวีตข้อความเมื่อวันอังคารว่า จะเริ่มให้บริการเที่ยวบินตรงไปยังไทยในเดือนพฤษภาคมนี้
การเดินทางเยือนซาอุฯ ของทางการไทยครั้งนี้ เป็นไปตามคำเชิญของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ผู้ทรงดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารของซาอุฯ มาตั้งแต่ปีค.ศ. 2017 หลังเกิดเหตุรัฐประหารในราชสำนักซาอุฯ โค่นอำนาจมกุฎราชกุมารองค์ก่อน
มกุฎราชกุมารพระชนมายุ 36 ปีผู้นี้ทรงครองอำนาจในหน่วยงานสำคัญของซาอุฯ โดยทรงดำรงตำแหน่งทั้งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นอกจากนี้ ยังทรงเป็นประธานของบริษัทน้ำมันของรัฐ Saudi Aramco และกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุฯ Public Investment Fund ด้วย
เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ได้รับความสนใจจากนานาชาติครั้งใหญ่ เมื่อทรงเป็นบุคคลที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ เคยประเมินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้วว่า เป็นผู้อนุมัติการจับกุมหรือสังหารนายจามาล คาชอกกี ผู้สื่อข่าวชาวซาอุฯ วัย 59 ปี
นายคาชอกกีเลือกลี้ภัยในสหรัฐฯ และเคยเขียนบทความวิจารณ์นโยบายของเจ้าชายในหนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์
เมื่อปีค.ศ. 2018 คาชอกกีเดินทางไปยังสถานกงสุลซาอุฯ ในนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารการสมรสของเขา ก่อนที่จะพบว่าเขาถูกฆ่าหั่นศพโดยทีมปฏิบัติการที่มีความเกี่ยวข้องกับเจ้าชายบิน ซัลมาน และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบศพของเขา
รายงานของสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า ทางหน่วยงานมีข้อสรุปดังกล่าวโดยอ้างอิงจากบทบาทของเจ้าชายบิน ซัลมาน ในการควบคุมการตัดสินใจ การที่มีที่ปรึกษาคนสำคัญของเจ้าชายมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุดังกล่าว และการที่เจ้าชายทรง “สนับสนุนการใช้มาตรการรุนแรง” เพื่อปิดปากผู้เห็นต่างที่อาศัยในต่างประเทศ รวมถึงคาชอกกี ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
รายงานยังระบุด้วยว่า นับตั้งแต่ปีค.ศ. 2017 มกุฎราชกุมารผู้นี้ทรงควบคุมองค์กรด้านความมั่นคงและข่าวกรองของซาอุฯ โดยสมบูรณ์ ทางหน่วยงานจึงประเมินว่า เจ้าหน้าที่ซาอุฯ ไม่น่าปฏิบัติการในลักษณะนี้ได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระองค์
นอกจากนี้ บุคคลหลายคนที่มีส่วนในปฏิบัติการสังหารนายคาชอกกี ยังเป็นสมาชิกของ Rapid Intervention Force หรือ RIF ซึ่งเป็นหน่วยงานย่อยของกองกำลังรักษาพระองค์ของซาอุฯ ที่ขึ้นตรงต่อองค์มกุฎราชกุมาร ซึ่งรายงานฉบับนี้ระบุว่า สมาชิกของ RIF จะดำเนินการไม่ได้หากเจ้าชายทรงไม่อนุญาต
รัฐบาลซาอุฯ ปฏิเสธมาตลอดว่าเจ้าชายบิน ซัลมาน ไม่มีส่วนร่วมกับเหตุดังกล่าว และออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานการสืบสวนของสหรัฐฯ ฉบับนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน พยายามต้องการสื่อว่า สหรัฐฯ ไม่มีทางยอมรับการสังหารฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยเขาตัดสินใจเผยแพร่รายงานฉบับนี้หลังจากที่ไม่มีการเปิดเผยออกมาในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยชนของซาอุฯ
แต่ในขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐฯ ก็ยังต้องการรักษาความสัมพันธ์กับมกุฎราชกุมารผู้ทรงอิทธิพลนี้ ที่ทรงเป็นผู้นำโดยพฤตินัยของซาอุฯ และจะทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ของซาอุฯ ที่เป็นประเทศส่งออกน้ำมันระดับโลก และเป็นพันธมิตรที่สำคัญของสหรัฐฯ ในการรับมือกับอิหร่าน ทั้งประเด็นฟื้นฟูข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน การรับมือกับลัทธิสุดโต่ง และการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มประเทศอาหรับ
สหรัฐฯ ระบุว่า จะไม่ออกมาตรการลงโทษและการระงับวีซ่าแก่เจ้าชายบิน ซัลมาน ในขณะที่สมาชิกสภาจากพรรคเดโมแครตบางส่วนเรียกร้องให้ ปธน. ไบเดน ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตเช่นกัน ดำเนินการเพื่อให้เจ้าชายทรงต้องรับผิดชอบต่อเหตุสังหารผู้สื่อข่าวคาชอกกีมากกว่านี้
สำนักข่าวไนน์นิวส์ของออสเตรเลีย ประมาณการว่า เจ้าชายทรงมีทรัพย์สินรวมราว 1,000-5,000 ล้านดอลลาร์ และอาจทรงเป็นผู้ครอบครอง “ซัลวาตอร์มุนดี” ภาพวาดโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ซึ่งเป็นภาพวาดที่มีราคาแพงที่สุดในโลก
เมื่อปี ค.ศ. 2017 งานศิลปะดังกล่าวถูกประมูลไปโดยเจ้าชายบัดร์ บิน อับดุลลาห์ รัฐมนตรีวัฒนธรรมของซาอุฯ ในราคา 450.3 ล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าทรงรับหน้าที่แทนองค์มกุฎราชกุมาร
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างเว็บไซต์ตลาดศิลปะ Artnet.com ว่า ผลงานชิ้นนี้ถูกเก็บบนเรือซูเปอร์ยอร์ชขององค์มกุฎราชกุมารบิน ซัลมาน
- เนื้อหาบางส่วนจากเอพี, เอเอฟพี, รอยเตอร์, บลูมเบิร์ก และไนน์นิวส์