บริษัทรถยนต์ ฟอร์ด มอเตอร์ เปิดเผยในวันพุธตามเวลาในสหรัฐฯ ว่า ทางบริษัทวางแผนที่จะจัดจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงประเภทเดียวในตลาดยุโรป ภายในปี ค.ศ. 2030 ขณะที่ผู้ผลิตรถสัญชาติอเมริกันรายนี้กำลังเร่งปรับปรุงสายการผลิตของตนให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสั่งห้ามจำหน่ายรถที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในบางประเทศ
สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ จะลงทุนมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 30 เดือนต่อจากนี้ เพื่อปรับเปลี่ยนโรงงานผลิตรถของตนในเมืองโคโลญจน์ ประเทศเยอรมนี ให้ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์การผลิตรถพลังงานไฟฟ้าแห่งแรกของบริษัทในยุโรป
ฟอร์ด เปิดเผยด้วยว่า บริษัทจะเริ่มผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวและผลิตในยุโรปทั้งหมด ที่ศูนย์การผลิตดังกล่าวตั้งแต่ปี ค.ศ. 2023 เป็นต้นไป ขณะที่ กำลังพิจารณาการผลิตรถแบบดังกล่าวในรุ่นที่ 2 อยู่ด้วย
ทั้งนี้ ฟอร์ดได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทรถ โฟล์คสวาเกน โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ผลิตรถสัญชาติอเมริกันแห่งนี้จะต้องใช้รถไฟฟ้า MEB ของโฟล์ค เป็นต้นแบบการผลิตต่อไป
นอกจากนั้น บริษัทผู้ผลิตรถที่มีมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ รายนี้ยังตั้งเป้าที่จะเริ่มเปิดตัวรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเพื่อจำหน่ายในยุโรปภายในปี ค.ศ. 2026 และเล็งที่จะปรับสัดส่วนรถเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งหมายถึง รถบรรทุกต่าง ในตลาดนี้ให้เป็นรถไฟฟ้าหรือรถไฮบริดมากถึง 2 ใน 3 ภายในปี ค.ศ. 2030 ด้วย
ปัจจุบัน ฟอร์ด เป็นผู้นำตลาดรถที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันในสหรัฐฯ และยุโรป ด้วยสัดส่วนการตลาดสำหรับรถประเภทดังกล่าวที่ 40 เปอร์เซ็นต์ และ เกือบ 15 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ