เวียดนามติดอยู่ใน 4 อันดับแรกที่จะได้รับผลกระทบจากทิศทางเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ขณะเดียวกันเวียดนามก็เป็น 4 อันดับแรกที่จะได้รับประโยชน์จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง 2 ชาตินี้ด้วยเช่นกัน
สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือโลก Moody’s เปิดเผยว่า 4 ประเทศในเอเชียแปซิฟิกน่าจะได้รับประโยชน์จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ได้แก่ มาเลเซีย ไต้หวัน ไทย และเวียดนาม แต่ในการจัดอันดับเดียวกันนี้ พบว่า 4 ประเทศที่จะได้รับผลกระทบด้านลบจากสงครามการค้าของ 2 มหาอำนาจ ได้แก่ ฮ่องกง มองโกเลีย สิงคโปร์ และเวียดนามอีกเช่นกัน
นายคริสเตียน เดอ กุซมัน รองประธาน Moody's Investor Service ในสิงคโปร์ มองว่า เวียดนามได้ประโยชน์จากการส่งออกสินค้าประเภทที่จีนได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้า ซึ่งจะให้ผลดีแค่ในระยะสั้น
ขณะที่นายเซียน เฟนเนอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Oxford Economic ในสิงคโปร์ มองว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และมาตรการปกป้องทางการค้าผ่านการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ จะทำให้เกิดความไม่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ซึ่งเวียดนามในฐานะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกและการลงทุนต่างชาติจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ แนะว่า เวียดนามควรปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อไม่ให้อ่อนไหวไปตามสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ โดยปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจภายในให้เป็นระบบตลาดเสรีมากขึ้น รวมทั้งการลดเงินอุดหนุนราคาเชื้อเพลิง บริการสาธารณสุข และลดการอุดหนุนด้านพลังงานไฟฟ้า และแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ที่หอการค้าเวียดนาม พบว่า เมืองใหญ่อย่างนครโฮจิมินห์ และกรุงฮานอย ของเวียดนาม แทบไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในพื้นที่เลย