บริษัทใหญ่ๆ เช่น Apple และ Samsung พัฒนาเทคโนโลยีให้ผู้เปิดเครื่อง และ log in ได้ด้วยลายนิ้วมือ ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลสูง
ผู้ใช้จำนวนมากเชื่อว่า วิธีปลดล็อคของเครื่องด้วยลายนิ้วมือเป็นแนวทางที่ปลอดภัยจากการถูกลักลอบเข้าไปขโมยข้อมูลโดยนักเจาะล้วงระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งจำนวนมากใช้วิธีเจาะรหัสผ่านเข้าสู่อุปกรณ์ของเหยื่อเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการใช้อัตลักษณ์ทางกายภาพ เช่นลายนิ้วมือ หรือม่านตา ซึ่งต่างถูกเรียกว่าเป็น biometrics ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่หลายคนคิด
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า อัตลักษณ์ทางกายภาพเหล่านี้สามารถถูกลอกเลียนแบบได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น Anil Jain อาจารย์สอนวิชาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเคยได้รับการขอร้องจากตำรวจให้ปลดล็อคโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของผู้เสียชีวิตคนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องการดูข้อมูลภายในเครื่อง
เขาและผู้ช่วยใช้ลายนิ้วมือของผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวที่อยู่ในแฟ้มข้อมูล มาสร้างลายบนผิวหนังเทียม และสามารถใช้วิธีนี้เปิดโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวได้ทันที
นอกจากนั้น วิธีสร้างโครงหน้าของบุคคลหรือดวงตา เลียนแบบด้วยเทคโนโลยีพรินท์เตอร์สามมิติ ก็เปิดประตูสำหรับการนำไปใช้ปลดล็อคข้อมูลลับได้เช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญเตือนด้วยว่า ข้อมูลลายนิ้วมือของบุคคลอาจไม่ได้ถูกเก็บอย่างเฉพาะที่เครื่องโทรศัพท์ เพราะนายจ้างบางราย เช่น หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ เก็บลายนิ้วมือของเจ้าหน้าที่รัฐไว้ด้วย และระบบข้อมูลของรัฐก็เคยถูกเจาะล้วงมาแล้วเมื่อปีที่แล้ว
ผู้สันทัดกรณีจึงแนะนำให้ตั้งรหัสผ่านที่เดายากควบคู่ไปกับการใช้ลายนิ้วมือเปิดเครื่อง
อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ กล่าวคือเมื่อเจ้าของโทรศัพท์ตกเป็นผู้ต้องหา และตำรวจต้องการดึงข้อมูลจากโทรศัพท์สมาร์ทโฟน กฎหมายสหรัฐฯ ที่ปกป้องคนเหล่านี้จากการให้ข้อมูลที่ส่งผลร้ายต่อตน เช่นรหัสผ่านโทรศัพท์ อาจยังคงไม่ได้ปกป้องผู้ใช้เครื่อง หากศาลสั่งให้มีการใช้ลายนิ้วมือปลดล็อคสมาร์ทโฟน
(รายงานโดย Associated Press / เรียบเรียงโดย รัตพล อ่อนสนิท)