ระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย จากร้อยละ 2 เป็นร้อยละ 2.25 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ พร้อมย้ำชัดถึงการสิ้นสุดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินที่เฟดใช้พยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯ นับตั้งแต่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยช่วงปี ค.ศ. 2009 แต่ยังไม่มีการปรับนโยบายการเงินในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า
พร้อมกันนี้ เฟดยังได้ปรับคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปีนี้ไว้ที่ร้อยละ 3 นับเป็นการเติบโตมากที่สุดในรอบ 13 ปี หน้าไว้ที่ ร้อยละ 2.5, ร้อยละ 2 ในปี ค.ศ. 2020 และร้อยละ 1.8 ในปี ค.ศ. 2021 เนื่องจากแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจผ่านการปรับลดภาษีเงินได้และการอัดฉีดงบประมาณรัฐจะเริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ น้อยลงเรื่อยๆ
นอกจากนี้ นายเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ มองว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเฉกเช่นยุคเศรษฐกิจถดถอยช่วงสิบปีก่อน และการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสะท้อนถึงความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเฟด
อย่างไรก็ตามประธานเฟด แสดงความกังวลถึงมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และเตือนว่าจะทำให้สหรัฐฯ เข้าสู่โลกแห่งการปกป้องทางการค้า ที่กระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกาและทั่วโลก แต่ในขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง
นี่เป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 3 ในปีนี้ และเฟดยังคงแผนปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในเดือนธันวาคมปีนี้ อีก 3 ครั้งในปีหน้า และอีก 1 ครั้งในปี ค.ศ. 2020