เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการแชร์โพสต์ไปตามสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และอ้างว่า โบสถ์ออร์โธดอกซ์แห่งหนึ่งในหมู่บ้านโนโวโพลตาฟกา ของเขตปกครองมีโคลาอิฟทางใต้ของยูเครน ถูกวางเพลิงเผาวอดวาย
โพสต์ดังกล่าวมาพร้อมกับคลิปวิดีโอของโบสถ์แห่งหนึ่งขณะถูกไฟลุกท่วมอยู่ด้วย
ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์หลายรายอ้างว่า สถานที่เกิดเหตุดังกล่าวคือ โบสถ์แพริชของคริสตจักรยูเครนรออร์โธดอกซ์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักรรัสเซียออร์โธดอกซ์ แต่ประกาศตนเป็นอิสระหลังมอสโกทำการรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2022
โพสต์เหล่านี้อ้างว่า อัคคีภัยที่เกิดขึ้นเป็นการวางเพลิงโดยกลุ่มหัวรุนแรงชาวยูเครน “กลุ่มสนับสนุนการแบ่งแยกแตกความสามัคคี” หรือไม่ก็กองกำลังความมั่นคงของยูเครน
ในวันที่ 7 เมษายน สถานทูตรัสเซียในอังกฤษแชร์คลิปวิดีโอของโบสถ์ที่กำลังประสบเหตุไฟลุกไหม้ผ่านทางเฟซบุ๊กของตนที่มาพร้อมคำบรรยายดังนี้:
“โบสถ์ออร์โธดอกซ์อีกแห่งถูกเผาทำลายในยูเครน ครั้งนี้ ชะตากรรมอันโหดร้ายเกิดขึ้นกับคริสตจักรยูเครนออร์โธดอกซ์ในหมู่บ้านโนโวโพลตาฟกา คลิปวิดีโอแสดงให้เห็นภาพขณะที่ผู้คนกำลังเฝ้ามองโบสถ์ที่มีไฟลุกท่วมด้วยฝีมือกองกำลังความมั่นคงหรือไม่ก็กลุ่มผู้คัดค้าน ความรู้สึกหวาดกลัว”
นี่เป็นความเท็จ
ในความเป็นจริง คลิปวิดีโอดังกล่าวแสดงให้เห็นภาพโบสถ์แห่งหนึ่งที่กำลังถูกไฟไหม้ในหมู่บ้านอิลลียินกาของรัสเซีย เมื่อ 10 ปีก่อน
ทั้งนี้ วิดีโอของโบสถ์ที่ถูกไฟไหม้ในอิลลียินกานั้นมีให้ค้นหาทางยูทูบอยู่แล้ว โดยมีเนื้อหาเหมือนกับคลิปที่สถานทูตรัสเซียในอังกฤษและผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์อื่น ๆ แชร์มาด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานเมื่อวันที่ 7 เมษายนว่า วิดีโอที่แสดงให้เห็นภาพโบสถ์ถูกไฟไหม้นั้นถูกโพสต์ขึ้นยูทูบครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 มกราคม ปี ค.ศ. 2013 และมีการระบุว่า ไฟที่ลุกไหม้นั้นเกิดขึ้นที่โบสถ์พระแม่มารีสัญลักษณ์แห่งคาซาน (Church of the Kazan Icon of the Mother of God ในหมู่บ้านอิลลียินกา ในแคว้นอัสทราคานของรัสเซีย
เอพียังพบโพสต์ที่มีผู้นำออกมาแชร์ในช่วงเดียวกันที่เว็บไซต์ขององค์การบริหารท้องถิ่นแห่งหนึ่ง โดยมีคำบรรยายว่า เป็นภาพเหตุอัคคีภัยที่อิลลียินกาเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า มีการก่อสร้างโบสถ์ดังกล่าวขึ้นมาใหม่หลังเกิดเหตุแล้วด้วย
ขณะเดียวกัน ศูนย์ความมั่นคงด้านการสื่อสารและสารสนเทศเชิงยุทธศาสตร์ (Center for Strategic Communication and Information Security) ของรัฐบาลยูเครน ยืนยันแล้วว่า คลิปวิดีโอที่ว่าแสดงให้เห็นภาพของโบสถ์ที่กำลังถูกไฟเผาในรัสเซีย ไม่ใช่ในยูเครน
ศูนย์แห่งนี้ระบุด้วยว่า “รัสเซียมุ่งใช้เรื่องกุขึ้นมาเช่นนี้เพื่อหาทางทำให้ชาวยูเครนเสื่อมเสีย และทำให้การสู้รับต้านอิทธิพลรัสเซียอ่อนกำลังลง” และว่า “ชาวยูเครนยอมรับศาสนาที่แตกต่างกันและไม่ทำลายโบสถ์”
และวันหนึ่ง โพสต์ของเหตุไฟไหม้โบสถ์ที่ว่านี้ก็หายไปจากหน้าเพจเฟซบุ๊กของสถานทูตรัสเซียในอังกฤษ โดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ แต่ก็มีการเก็บไว้ในแฟ้มบันทึกถาวรแล้ว
การกล่าวอ้างแบบผิด ๆ ว่า โบสถ์แห่งหนึ่งถูกเผาจนวอดวายในโนโวโพลตาฟกา ตรงกับรูปแบบการกระจายข้อมูลบิดเบือนของฝ่ายรัสเซียอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และหลายคนในรัสเซียออกมากล่าวอ้างอย่างผิด ๆ ว่า มีการกดขี่ข่มเหงผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ไปก่อนหน้านี้
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ฝ่ายโพลีกราฟเพิ่งรายงานด้วยว่า เซอร์เกย์ นารีชคิน ผู้อำนวยการหน่วยงานข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย ดำเนินการเผยแพร่ทฤษฎีสมคบคิดผิด ๆ ออกมาว่า ชาติตะวันตกและยูเครนกำลังหาทางทำลายคริสต์จักรนิกายออร์โธดอกซ์ในยูเครนอยู่
ถึงกระนั้น ในความเป็นจริง ประเด็นที่ว่า คริสตจักรนิกายออร์โธดอกซ์ของยูเครนยังคงถูกควบคุมโดยพระสังฆราชรัสเซียยังคงเป็นเรื่องที่มีการโต้แย้งและถกเถียงกันในหมู่ชาวยูเครนอยู่ดี
ในเวลานี้ นักบวชนิกายออร์โธดอกซ์หลายสิบคนในยูเครนกำลังถูกสอบสวนหรือเผชิญหน้ากับการดำเนินคดีอาญาในข้อหาว่า ให้ความร่วมมือกับกองกำลังรัสเซีย หรือไม่ก็ ให้การสนับสนุนความพยายามทำสงครามของฝ่ายมอสโก ขณะที่ มีการบุกตรวจค้นอารามและโบสถ์ รวมทั้งสถานที่ปฏิบัติกิจอื่นๆ ของนิกายออร์โธดอกซ์ในยูเครนไปแล้ว
ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะการเชื่อมโยงเชิงสถาบันระหว่างนิกายออร์โธดอกซ์ของยูเครนและของรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้รุกรานยูเครนในเวลานี้
แต่รัสเซียก็พยายามปั่นสถานการณ์เข้าข้างตัวเองด้วยการกล่าวอ้างอย่างผิด ๆ ว่า เกิดสงครามศาสนาต่อผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์อยู่
สถาบัน Institute for the Study of War ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองที่ตั้งอยู่ในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า มอสโกได้ใช้ศาสนาเป็นอาวุธ “เพื่อจะได้ใส่ความยูเครนว่า เป็นปีศาจ และเพื่อทำให้รัสเซียดูเป็นผู้ปกป้องคุณค่าของชาวคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์”
สื่อรัฐบาลรัสเซียยังออกมากล่าวอ้างอย่างผิด ๆ ด้วยว่า นาโต้ กลุ่มพันธมิตรทางทหารที่มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 31 ประเทศซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ กำลังผิดใจอยู่กับคริสตจักรนิกายออร์โธดอกซ์ และว่า ชาติตะวันตกนั้นกำลังพยายาม “ต้านความเชื่อของออร์โธดอกซ์” อยู่ด้วย
ในทางกลับกัน สถาบัน Institute for Religious Freedom ในกรุงเคียฟตีพิมพ์รายงานฉบับหนึ่งออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ที่ระบุว่า มี “อาคารทางศาสนา สถาบันศาสนศาสตร์ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อย 294 แห่ง ที่ถูกทำลายอย่างย่อยยับ ได้รับความเสียหาย หรือถูกบุกปล้น โดยกองทัพรัสเซีย” ในยูเครน นับตั้งแต่เมื่อการรุกรานของรัสเซียเริ่มต้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ. 2022
รายงานฉบับนี้กล่าวว่า ผู้ยึดครองชาวรัสเซียได้ตั้งเป้าเป็นพิเศษต่อ “ผู้ที่นับถือศาสนาคริสตจักรนิกายโปรแตสแตนต์อิแวนเจลิคัลในยูเครน” โดยวาดภาพคนกลุ่มนี้ให้เป็น “สายลับอเมริกัน” “พวกนอกศาสนา” และ “ศัตรูของผู้นับถือนิกายออร์โธดอกซ์ของรัสเซีย”
รายงานดังกล่าวยังมีรายละเอียดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารจำนวน 143 แห่งที่คริสตจักรนิกายยูเครนออร์โธดอกซ์เป็นเจ้าของ และอาคารอีก 34 แห่งที่เป็นของคริสตจักรนิกายนี้แต่เป็นอิสระอย่างเต็มตัวจากคริสตจักรนิกายรัสเซียออร์โธดอกซ์
ข้อมูลในรายงานนี้ระบุว่า ตัวเลขโบสถ์ มัสยิดและโบสถ์ยิวที่ถูกทำลายมากที่สุดนั้นอยู่ในเขตปกครองดอแนตสก์ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 เขตปกครองที่รัสเซียผนวกเข้ากับตนเองอย่างผิดกฎหมายเมื่อปีที่แล้ว
ที่มา: ฝ่าย Polygraph วีโอเอ