ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ตรวจสอบข่าว: จริงหรือไม่ สหรัฐฯ ทอดทิ้งพลเมืองของตนไว้ในสงครามกลางเมืองซูดาน


American nationals arrive for evacuation from the port, as clashes between the paramilitary Rapid Support Forces and the Sudanese army continue, in Port Sudan, Sudan, April 30, 2023. (Stringer/REUTERS)
American nationals arrive for evacuation from the port, as clashes between the paramilitary Rapid Support Forces and the Sudanese army continue, in Port Sudan, Sudan, April 30, 2023. (Stringer/REUTERS)
หัว ชุนยิง

หัว ชุนยิง

ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศจีน

“จีนส่งเรือรบ 2 ลำ ซึ่งช่วยอพยพชาวจีนออกมาได้ 940 คน (ขณะที่) สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไปรับเจ้าหน้าที่สถานทูตออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีแผนช่วยประสานงานการอพยพพลเรือนชาวสหรัฐฯ เลย”

ทำให้สังคมเข้าใจผิด

เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา หัว ชุนยิง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ทวีตอินโฟกราฟฟิก แสดงการเปรียบเทียบความพยายามอพยพประชาชนของจีนและสหรัฐฯ ออกจากซูดาน ซึ่งเกิดความไม่สงบจากการต่อสู้ระหว่างกองทัพบกและกองกำลังกึ่งเคลื่อนที่เร็วมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนแล้ว

โพสต์อินโฟกราฟฟิกดังกล่าวมาพร้อมกับข้อความที่ว่า:

“ชุดแรก เทียบกับ ชุดสุดท้าย – ความแตกต่างอีกข้อระหว่างจีนและสหรัฐฯ ... จีนส่งเรือรบ 2 ลำ ซึ่งช่วยอพยพชาวจีนออกมาได้ 940 คน (ขณะที่) สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไปรับเจ้าหน้าที่สถานทูตออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีแผนช่วยประสานงานการอพยพพลเรือนชาวสหรัฐฯ เลย"

ข้อความนี้ ถือว่า ทำให้สังคมเข้าใจผิด

สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไปรับเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันออกจากสถานทูตในกรุงคาร์ทูม พร้อม ๆ กับบุคลากรของรัฐบาลสหรัฐฯ อื่น ๆ เมื่อวันที่ 22 เมษายน โดยทิ้งพลเรือนไว้ในซูดาน โดยปฏิบัติการนี้ทำให้ครอบครัวของชาวอเมริกันที่ติดอยู่ในประเทศนี้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างกว้างขวาง

จากนั้น อินฟลูเอนเซอร์ (influencer) หรือ ผู้ที่มีอิทธิพลกับคนหมู่มากในโลกสื่อสังคมออนไลน์และบุคคลสำคัญในรัฐบาลจีนก็ใช้คำพูดที่ คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวออกมาระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 เมษายน มากล่าวหาว่า สหรัฐฯ นั้นทอดทิ้งพลเรือนของตน ตามการรายงานข่าวของนิตยสาร Newsweek เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม

รายงานข่าวระบุว่า หลังความรุนแรงในซูดานปะทุขึ้นและเหตุการณ์ผ่านไปได้ 3 วัน ฌอง-ปิแอร์ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันอย่าเดินทางไปซูดาน และเนื่องจากมีการปิดสนามบิน “ชาวอเมริกันไม่ควรคาดหวังว่า จะมีกระบวนการอพยพที่รัฐบาลเป็นผู้ประสานงานให้ในเวลานี้ ... ทั้งยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากที่พลเรือนชาวสหรัฐฯ ในซูดานทำการจัดการต่าง ๆ ด้วยตนเอง ... เพื่อให้ปลอดภัยภายใต้สถานการณ์อันยากเข็ญทั้งหมดนี้”

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 28 ถึง 29 เมษายน สหรัฐฯ ได้ดำเนินการแผนงานอพยพพลเรือนครั้งแรกของตนไปแล้ว และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และเพนตากอนร่วมกันเปิดเผยว่า การอพยพชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากยังคงเดินหน้าต่อไป ขณะที่ก็มี “การเจรจาอย่างเข้มข้น” เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเส้นทางอพยพอันปลอดภัย ขณะที่ สหรัฐฯ ก็ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรต่าง ๆ ในเรื่องนี้ และกำลังเตรียมขบวนการอพยพชุดที่ 2 อยู่ด้วย

หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานว่า ขบวนรถโดยสารชุดหนึ่งได้นำพาชาวอเมริกันราว 300 คนออกจากพื้นที่กรุงคาร์ทูมไปแล้วเมื่อวันที่ 28 เมษายน โดยเป็นการเดินทางประมาณ 800 กิโลเมตรไปยังท่าเรือ พอร์ตซูดาน (Port Sudan) ในวันที่ 29 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น

นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ของสหรัฐฯ ซึ่งทำการตรวจสอบเส้นทางอพยพทางพื้นดิน ช่วยทำหน้าที่เหมือนหน่วยป้องกันติดอาวุธให้กับขบวนรถโดยสารนี้ด้วย

ข้อมูลที่มีการเก็บบันทึกไว้ชี้ว่า มีชาวอเมริกันมากถึงราว 16,000 คนที่อาจใช้ชีวิตอยู่ในซูดาน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ถือสองสัญชาติ ซึ่งก็คือ สัญชาติอเมริกันและสัญชาติซูดาน และจนถึงเวลานี้ มีการประเมินว่า ชาวอเมริกันในกลุ่มนี้ประมาณ 1,000 คนได้เดินทางออกจากประเทศที่ยังมีการสู้รบกันอยู่นี้แล้ว โดยข้อมูลจาก แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า มีพลเรือนชาวอเมริกันไม่ถึง 5,000 คนที่ติดต่อมาขอคำแนะนำจากรัฐบาลสหรัฐฯ

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ชาวอเมริกันอย่างน้อย 2 คนเสียชีวิตจากสถานการณ์ซูดานไปแล้ว

ในส่วนของปฏิบัติการอพยพชาวอเมริกันนั้น กระทรวงการต่างประเทศให้รายละเอียดในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 29 เมษายนว่า:

“ขบวนที่จัดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ และนำพาพลเรือนอเมริกัน เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนในพื้นที่ และประชาชนจากประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วนเดินทางถึงพอร์ตซูดานเมื่อวันที่ 29 เมษายน แล้ว [และ]จากจุดนั้น เราให้ความช่วยเหลือพลเรือนสหรัฐฯ และผู้ที่มีสิทธิ์ให้เดินทางต่อไปยังนครเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่ซึ่งบุคลากรอีกส่วนของสหรัฐฯ ตั้งมั่นรอให้การช่วยเหลือในด้านงานกงสุลและบริการฉุกเฉินต่าง ๆ อยู่”

นอกจากนั้น มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังได้ส่งข้อความถึงพลเรือนชาวอเมริกันทุกคนในซูดานที่ติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ และยังส่งรายละเอียดคำสั่งที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการเข้าร่วมแผนงานอพยพผ่านเส้นทางพื้นดินให้ด้วย

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยว่า เรือรบ USNS Brunswick เดินทางมาถึงท่าพอร์ตซูดานเพื่อให้ความช่วยเหลือในแผนงานอพยพนี้แล้ว

ก่อนหน้านั้น สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานเมื่อวันที่ 27 เมษายนว่า พลเรือนชาวอเมริกันที่ลงทะเบียนไว้กับกระทรวงการต่างประเทศได้รับอีเมลรายละเอียดแผนการอพยพทางภาคพื้นดินแล้ว และในวันต่อมา ก็ได้รับการแจ้งให้มาพบกันที่เวลาซึ่งมีการกำหนดไว้ที่บริเวณสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง โดยแต่ละคนสามารถพกกระเป๋าบรรจุของใช้จำเป็นมาเพียงได้ 1 ใบเท่านั้น

ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างนายพลของกองทัพซูดานและนายพลของกองกำลังอาร์เอสเอฟนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 500 คน และทำให้ผู้คนหลายพันต้องหนีตายออกจากประเทศนี้ด้วย

ที่มา: ฝ่าย Polygraph วีโอเอ

XS
SM
MD
LG