เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา หัว ชุนยิง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ทวีตอินโฟกราฟฟิก แสดงการเปรียบเทียบความพยายามอพยพประชาชนของจีนและสหรัฐฯ ออกจากซูดาน ซึ่งเกิดความไม่สงบจากการต่อสู้ระหว่างกองทัพบกและกองกำลังกึ่งเคลื่อนที่เร็วมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนแล้ว
โพสต์อินโฟกราฟฟิกดังกล่าวมาพร้อมกับข้อความที่ว่า:
“ชุดแรก เทียบกับ ชุดสุดท้าย – ความแตกต่างอีกข้อระหว่างจีนและสหรัฐฯ ... จีนส่งเรือรบ 2 ลำ ซึ่งช่วยอพยพชาวจีนออกมาได้ 940 คน (ขณะที่) สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไปรับเจ้าหน้าที่สถานทูตออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีแผนช่วยประสานงานการอพยพพลเรือนชาวสหรัฐฯ เลย"
ข้อความนี้ ถือว่า ทำให้สังคมเข้าใจผิด
สหรัฐฯ ส่งเครื่องบินไปรับเจ้าหน้าที่ชาวอเมริกันออกจากสถานทูตในกรุงคาร์ทูม พร้อม ๆ กับบุคลากรของรัฐบาลสหรัฐฯ อื่น ๆ เมื่อวันที่ 22 เมษายน โดยทิ้งพลเรือนไว้ในซูดาน โดยปฏิบัติการนี้ทำให้ครอบครัวของชาวอเมริกันที่ติดอยู่ในประเทศนี้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างกว้างขวาง
จากนั้น อินฟลูเอนเซอร์ (influencer) หรือ ผู้ที่มีอิทธิพลกับคนหมู่มากในโลกสื่อสังคมออนไลน์และบุคคลสำคัญในรัฐบาลจีนก็ใช้คำพูดที่ คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาว กล่าวออกมาระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 เมษายน มากล่าวหาว่า สหรัฐฯ นั้นทอดทิ้งพลเรือนของตน ตามการรายงานข่าวของนิตยสาร Newsweek เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม
รายงานข่าวระบุว่า หลังความรุนแรงในซูดานปะทุขึ้นและเหตุการณ์ผ่านไปได้ 3 วัน ฌอง-ปิแอร์ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคมของปีที่แล้ว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกร้องให้ชาวอเมริกันอย่าเดินทางไปซูดาน และเนื่องจากมีการปิดสนามบิน “ชาวอเมริกันไม่ควรคาดหวังว่า จะมีกระบวนการอพยพที่รัฐบาลเป็นผู้ประสานงานให้ในเวลานี้ ... ทั้งยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากที่พลเรือนชาวสหรัฐฯ ในซูดานทำการจัดการต่าง ๆ ด้วยตนเอง ... เพื่อให้ปลอดภัยภายใต้สถานการณ์อันยากเข็ญทั้งหมดนี้”
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 28 ถึง 29 เมษายน สหรัฐฯ ได้ดำเนินการแผนงานอพยพพลเรือนครั้งแรกของตนไปแล้ว และเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และเพนตากอนร่วมกันเปิดเผยว่า การอพยพชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากยังคงเดินหน้าต่อไป ขณะที่ก็มี “การเจรจาอย่างเข้มข้น” เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีเส้นทางอพยพอันปลอดภัย ขณะที่ สหรัฐฯ ก็ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรต่าง ๆ ในเรื่องนี้ และกำลังเตรียมขบวนการอพยพชุดที่ 2 อยู่ด้วย
หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงานว่า ขบวนรถโดยสารชุดหนึ่งได้นำพาชาวอเมริกันราว 300 คนออกจากพื้นที่กรุงคาร์ทูมไปแล้วเมื่อวันที่ 28 เมษายน โดยเป็นการเดินทางประมาณ 800 กิโลเมตรไปยังท่าเรือ พอร์ตซูดาน (Port Sudan) ในวันที่ 29 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ของสหรัฐฯ ซึ่งทำการตรวจสอบเส้นทางอพยพทางพื้นดิน ช่วยทำหน้าที่เหมือนหน่วยป้องกันติดอาวุธให้กับขบวนรถโดยสารนี้ด้วย
ข้อมูลที่มีการเก็บบันทึกไว้ชี้ว่า มีชาวอเมริกันมากถึงราว 16,000 คนที่อาจใช้ชีวิตอยู่ในซูดาน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ถือสองสัญชาติ ซึ่งก็คือ สัญชาติอเมริกันและสัญชาติซูดาน และจนถึงเวลานี้ มีการประเมินว่า ชาวอเมริกันในกลุ่มนี้ประมาณ 1,000 คนได้เดินทางออกจากประเทศที่ยังมีการสู้รบกันอยู่นี้แล้ว โดยข้อมูลจาก แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า มีพลเรือนชาวอเมริกันไม่ถึง 5,000 คนที่ติดต่อมาขอคำแนะนำจากรัฐบาลสหรัฐฯ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ชาวอเมริกันอย่างน้อย 2 คนเสียชีวิตจากสถานการณ์ซูดานไปแล้ว
ในส่วนของปฏิบัติการอพยพชาวอเมริกันนั้น กระทรวงการต่างประเทศให้รายละเอียดในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 29 เมษายนว่า:
“ขบวนที่จัดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ และนำพาพลเรือนอเมริกัน เจ้าหน้าที่ที่เป็นคนในพื้นที่ และประชาชนจากประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วนเดินทางถึงพอร์ตซูดานเมื่อวันที่ 29 เมษายน แล้ว [และ]จากจุดนั้น เราให้ความช่วยเหลือพลเรือนสหรัฐฯ และผู้ที่มีสิทธิ์ให้เดินทางต่อไปยังนครเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่ซึ่งบุคลากรอีกส่วนของสหรัฐฯ ตั้งมั่นรอให้การช่วยเหลือในด้านงานกงสุลและบริการฉุกเฉินต่าง ๆ อยู่”
นอกจากนั้น มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังได้ส่งข้อความถึงพลเรือนชาวอเมริกันทุกคนในซูดานที่ติดต่อสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ และยังส่งรายละเอียดคำสั่งที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการเข้าร่วมแผนงานอพยพผ่านเส้นทางพื้นดินให้ด้วย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยว่า เรือรบ USNS Brunswick เดินทางมาถึงท่าพอร์ตซูดานเพื่อให้ความช่วยเหลือในแผนงานอพยพนี้แล้ว
ก่อนหน้านั้น สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) รายงานเมื่อวันที่ 27 เมษายนว่า พลเรือนชาวอเมริกันที่ลงทะเบียนไว้กับกระทรวงการต่างประเทศได้รับอีเมลรายละเอียดแผนการอพยพทางภาคพื้นดินแล้ว และในวันต่อมา ก็ได้รับการแจ้งให้มาพบกันที่เวลาซึ่งมีการกำหนดไว้ที่บริเวณสนามกอล์ฟแห่งหนึ่ง โดยแต่ละคนสามารถพกกระเป๋าบรรจุของใช้จำเป็นมาเพียงได้ 1 ใบเท่านั้น
ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างนายพลของกองทัพซูดานและนายพลของกองกำลังอาร์เอสเอฟนั้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 500 คน และทำให้ผู้คนหลายพันต้องหนีตายออกจากประเทศนี้ด้วย
ที่มา: ฝ่าย Polygraph วีโอเอ