เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา บริษัทจัดอันดับเครดิต มูดีส์ (Moody’s) ปรับลดภาพรวมอันดับความน่าเชื่อถือของเครดิตของจีนจากระดับ “คงที่” ลงมาเป็น “ติดลบ” และไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น โฆษกกระทรวงการคลังจีน โต้ว่า กรุงปักกิ่ง “รู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจนี้”
สื่อรัฐบาลจีนต่าง ๆ ออกมาแสดงปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้กันอย่างดุเดือด โดย หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ (Global Times) และหลายแห่งเรียกการตัดสินของมูดีส์ว่า “มีอคติและไม่เป็นมืออาชีพ”
ในบทบรรณาธิการที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม โกลบอลไทมส์ สรุปเองว่า มูดีส์นั้นมีอคติทางการเมืองต่อจีนเพราะเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ โดยระบุว่า:
“เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดอันดับเครดิตของบริษัทสหรัฐฯ ให้กับจีนและบริษัทจีนนั้นล้วนมีอคติทางการเมือง”
นี่เป็นความเท็จ
มูดีส์นั้นเป็นองค์กรที่ไม่สนใจเรื่องการเมือง และทำการประเมินความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทและรัฐบาล โดยเฉพาะในด้านความสามารถในการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้ โดยไม่สนใจทิศทางและจุดยืนทางการเมืองของรัฐบาลสหรัฐฯ
ในความเป็นจริง มูดีส์ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ เองจากระดับ “คงที่” เป็น “ติดลบ” เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน หรือไม่ถึง 1 เดือนก่อนจะปรับลดภาพรวมเศรษฐกิจจีนด้วยซ้ำ
เมื่อตอนมีข่าวการปรับลดอันดับสหรัฐฯ นั้น สื่อโกลบอลไทมส์ ตีข่าวแสดงความยินดีออกมา โดยระบุว่า การตัดสินใจของมูดีส์นั้น “เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจให้สหรัฐฯ ว่า ถ้าหาก(รัฐบาลกรุงวอชิงตัน)ไม่จริงจังกับประเด็นการขาดดุลงบประมาณและปัญหาหนี้ของตน ความมั่นใจของตลาดในตราสารหนี้ของสหรัฐฯ ก็จะสั่นคลอนได้ในระยะยาว”
ทั้งนี้ มูดีส์ทำการประเมินเชิงลึกต่อสุขภาพทางการเงินและสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจขององค์กรที่ถูกประเมิน จากนั้นจะใช้ปัจจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณต่าง ๆ เพื่อสร้างแบบประเมินความเสี่ยงทางเครดิตขององค์กรนั้น ๆ ด้วยการมาตรวัดมาตรฐานเพื่อบ่งชี้ความน่าจะเป็นของการผิดชำระหนี้หรือของความล้มเหลวที่จะทำตามภาระผูกพันทางการเงิน
มาตรวัดอันดับเครดิตที่ว่านี้แสดงผลเป็นตัวอักษร โดยอันดับสูงสุดคือ “Aaa” และอันดับต่ำสุดคือ “C”
นอกจากการปรับภาพรวมอันดับเครดิตจีนแล้ว มูดีส์ยังปรับลดอันดับเครดิตตราสารหนี้รัฐบาลจีนที่ออกมาเพื่อระดมทุนไปใช้ในการสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ และเพื่อชำระดอกเบี้ยของตราสารต่าง ๆ ที่ถึงงวดจ่าย รวมทั้งเพื่อชำระหนี้เก่า ๆ ด้วย
การดำเนินการครั้งนี้ของมูดีส์ยิ่งเป็นการเน้นย้ำความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้จีนที่พุ่งสูงและกรณีวิกฤตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ
นอกจากมูดีส์แล้ว หน่วยงานและองค์กรหลายแห่งก็มีการประเมินจีนออกมาในทิศทางเดียวกันด้วย เช่น U.S. Congressional Research Service ที่รายงานเมื่อเดือนกันยายนว่า ภาระหนี้ที่ไม่เกี่ยวกับภาคการเงิน ซึ่งก็คือ หนี้ภาคครัวเรือน หนี้บริษัทและหนี้รัฐบาล พุ่งถึงระดับ 297% ของจีดีพีในปี 2022 โดยหนี้ส่วนใหญ่นั้นเป็นภาระของบริษัทเอกชนและรัฐบาลท้องถิ่น
จีนยังมีปัญหาการผิดชำระหนี้หลายต่อหลายครั้งโดยบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำหลายแห่งที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลท้องถิ่น ซึ่งรวมถึง บริษัท Evergrande Group และบริษัท Country Garden
มูดีส์ คือ หนึ่งใน 3 องค์กรระดับโลกในอุตสาหกรรมจัดอันดับเครดิตที่รวมถึง Standard and Poor’s (S&P) และ ฟิทช์ (Fitch Group) โดย 3 แห่งนี้ล้วนเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันและมีส่วนแบ่งธุรกิจจัดอันดับเครดิตถึง 95%
แต่แม้มูดีส์จะได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินที่ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียง ธุรกิจแห่งนี้ยังหนีไม่พ้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงเกิดวิกฤตการเงินปี 2008 เพราะการจัดอันดับเครดิตในระดับที่สูงแก่หลักทรัพย์ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันจำนอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสินเชื่อซัพไพรม์ (subprime loan) หรือ สินเชื่อด้อยคุณภาพ
- ที่มา: ฝ่าย Polygraph วีโอเอ