ลิ้งค์เชื่อมต่อ

ตรวจสอบข่าว: 'เครมลิน' กุข่าว ยูเครนยิงขีปนาวุธถล่มเมืองตัวเอง จริงหรือไม่


Friends and colleagues of killed staff members gather to mourn in front of a makeshift memorial next to the remains of a restaurant destroyed in a recent missile strike in the center of Kramatorsk on June 29, 2023. (Genya Savilov/AFP)
Friends and colleagues of killed staff members gather to mourn in front of a makeshift memorial next to the remains of a restaurant destroyed in a recent missile strike in the center of Kramatorsk on June 29, 2023. (Genya Savilov/AFP)
ดมิทรี เพสคอฟ

ดมิทรี เพสคอฟ

โฆษกปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย

สหพันธรัฐรัสเซียไม่ได้ยิงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือน (แต่)การโจมตีนั้นพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่เกี่ยวข้องโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

เท็จ

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน เกิดเหตุยิงขีปนาวุธของรัสเซียเข้าไปในพื้นที่เมืองครามาทอสก์ ซึ่งเป็นเมืองทางตะวันออกของยูเครนที่รัฐบาลกรุงเคียฟยังควบคุมได้อยู่ แต่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่กองทัพรัสเซียบุกเข้ามายึดครองไว้ โดยเป้าการโจมตีครั้งนั้นคือ ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีลูกค้าใช้บริการคับคั่งอยู่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 12 คนและบาดเจ็บอีกหลายสิบ

A man reacts amid rescue efforts after a missile strike hit a restaurant in Kramatorsk on June 27, 2023. (Genya Savilov/AFP)
A man reacts amid rescue efforts after a missile strike hit a restaurant in Kramatorsk on June 27, 2023. (Genya Savilov/AFP)

จากนั้น มีผู้ใช้งานแอปทวิตเตอร์ที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง โดยใช้นามแฝงว่า “US Civil Defense News” ออกมากล่าวอ้างอย่างผิด ๆ ว่า ยูเครนคือ ผู้ทำการโจมตีเมืองของตนเอง

แม้บัญชีทวิตเตอร์นี้จะมีอายุใช้งานเพียง 8 เดือนและมีผู้ติดตามไม่ถึง 7,000 คน ณ วันที่ทวีตข้อความดังกล่าวออกมา แต่ประเด็นนี้กลับติดกระแสไวรัลโดยมีคนอ่านไปแล้วกว่า 1 ล้านครั้งและมีผู้คลิ๊กไลค์แล้วราว 4,000 คน

ผู้ดูแลทวิตเตอร์ได้ทำการแจ้งเตือนว่า โพสต์นี้เป็นเนื้อหาเท็จ หลังมีผู้ใช้งานรายอื่นออกมาแย้งว่า ข้อมูลนี้ไม่ถูกต้องนัก

ทั้งนี้ บัญชี “US Civil Defense News” ตั้งเป้าทวีตข้อมูลต่าง ๆ ที่มีเนื้อหาทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่หนุนรัสเซียและต่อต้านชาติตะวันตกเป็นหลัก

ขณะที่ มีบรรดาผู้ใช้งานทวิตเตอร์ออกมาทวีตข้อความดังกล่าว โอลกา สกาเบเยวา ผู้เชี่ยวชาญด้านโฆษณาชวนเชื่ออันดับต้น ๆ ของกรุงมอสโก ก็เป็นอีกรายที่ออกมายืนยันว่า รัสเซียคือผู้ที่ยิงขีปนาวุธเข้าใส่ครามาทอสก์ โดยอ้างว่า เป็นการโจมตี “เป้าหมายทางทหารอันชอบธรรม”

ส่วน ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็ออกมาโต้ตอบท่าทีโกรธแค้นจากนานาชาติต่อกรณีที่รัสเซียโจมตีพลเรือนชาวยูเครนในครามาทอสก์ โดยกล่าวว่า “สหพันธรัฐรัสเซียไม่ได้ยิงโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือน” และว่า “การโจมตีนั้นพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่เกี่ยวข้องโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

คำกล่าวอ้างที่ว่านี้ เป็นความเท็จ

ตำรวจยูเครนกล่าวว่า รัสเซียโจมตีครามาทอสก์ด้วยขีปนาวุธ Iskander 2 ลูก ขณะที่ ผู้สังเกตการณ์อิสระก็ยืนยันว่า รัสเซียเป็นผู้ยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธจริง

รายงานข่าวระบุว่า เป้าหมายเบื้องต้นของขีปนาวุธนั้นคือ Rita Lounge ซึ่งเป็นร้านพิซซ่าในพื้นที่กลางเมืองครามาทอสก์ที่บรรดาผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่องค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และทหารยูเครน มักแวะเวียนมาใช้บริการเป็นประจำ

และในวันที่ 29 มิถุนายน หน่วยงานฉุกเฉินของรัฐบาลยูเครนเปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิต 12 คนและได้รับบาดเจ็บ 60 คนในการโจมตีดังกล่าว และยืนยันว่า ขีปนาวุธรัสเซียที่ยิงเข้าไปที่ Rita Lounge นั้นทำให้เด็กหญิงฝาแฝดวัย 14 ปี 2 คนและเด็กวัยรุ่นหญิงอายุ 17 ปีอีกหนึ่งคนเสียชีวิต

นอกจากนั้น อาคารที่พักอาศัยหลายแห่ง รวมทั้งโรงเรียนและโครงสร้างอื่น ๆ ได้รับความเสียหายจากการโจมตีดังกล่าวด้วย

ในส่วนของขีปนาวุธลูกที่สองนั้น เป็นการยิงเข้าใส่บ้านหลังหนึ่งของประชาชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ชานเมือง และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน

ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสงครามนั้น การที่ทหารเข้ามาใช้บริการร้าน Rita Lounge อยู่บ่อย ๆ ไม่ได้แปลว่า สถานที่แห่งนั้นจะถือว่า เป็นเป้าหมายทางทหารอันชอบธรรมได้เลย

ความเป็นจริงคือ ในเวลานี้ ยูเครนตกอยู่ในภาวะสงคราม และเจ้าหน้าที่ทางทหารก็เข้าไปใช้บริการธุรกิจของพลเรือนเป็นประจำตามปกติ

คอลิน ฟรีแมน ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ Telegraph ของอังกฤษ ที่ก้าวออกมาจากร้านพิซซ่าดังกล่าวไม่นานก่อนเกิดการโจมตี กล่าวสรุปสถานการณ์ความเป็นจริงดังนี้:

“เจ้าหน้าที่ทหารนั้นเข้าใช้บริการตามร้านอาหารเกือบทุกแห่งในยูเครน [และ] ในภาวะสงครามที่พลเรือนจำนวนมากต้องมาหยิบจับอาวุธเช่นนี้ ผู้ที่อยู่ในเครื่องแบบไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่แต่ในค่ายทหารเท่านั้นอีกต่อไป”

ฟรีแมนกล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นดู “แน่นอน” แล้วว่า เป็นการจงใจโจมตี และยังระบุด้วยว่า เจ้าหน้าที่อาวุโสรายหนึ่งของกองทัพยูเครน กล่าวว่า รัสเซียเป็นผู้ดำเนิน “การโจมตีโดยเจตนาเข้าใส่เป้าหมายพลเรือน” อันเป็นส่วนหนึ่งของ “แผนการรบที่สร้างความหวาดกลัวด้วยขีปนาวุธ”

คำกล่าวนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับสิ่งที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี บรรยายเกี่ยวกับยุทธวิธีการทำสงครามของรัสเซียไว้ก่อนหน้านี้ ที่ชี้ว่า รัสเซียใช้การตั้งเป้าหมายอย่างเป็นระบบเพื่อ “สร้างความหวาดกลัวด้วยขีปนาวุธ” ในพื้นที่ที่อยู่อาศัยของพลเรือน

แหล่งข่าวทางทหารของ คอลิน ฟรีแมน ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ Telegraph ยังกล่าวด้วยว่า การโจมตีร้าน Rita Lounge นั้นเป็นความตั้งใจเพื่อจะชดเชยต่อ “ความอับอายขายหน้า” ของกรุงมอสโก จากกรณีการก่อกบฏสายฟ้าแลบของกลุ่มทหารรับจ้าง แวกเนอร์ กรุ๊ป เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน

นอกจากนั้น หน่วยงานด้านความมั่นคงของยูเครนเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับที่ทำการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ Rita Lounge ก่อนเกิดการโจมตีไว้ได้ 1 คนแล้ว

และแม้จะมีการกล่าวอ้างว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นการดำเนินการต่อเป้าหมายทางทหาร ผู้ที่มาใช้บริการร้านพิซซ่า Rita Lounge หลายคนยืนยันว่า ร้านนี้มีไว้เพื่อพลเรือน และไม่ใช่เพื่อดำเนินปฏิบัติการที่มีเป้าหมายทางการทหารเลย

วอจเชียช เกรเซดซินสกี ช่างภาพข่าวรายหนึ่งที่อยู่ภายในร้านดังกล่าวในช่วงที่มีการยิงโจมตี ระบุในข้อความที่โพสต์ผ่านแอปเทเลแกรมว่า “นั่นมันเป็นเพียงร้านอาหารที่มีผู้คนอยู่เต็มไปหมด”

หนังสือพิมพ์ The Washington Post ให้ความเห็นต่อคำกล่าวอ้างของ ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่ว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นพุ่งเป้าไปยังโครงสร้างพื้นทางทหาร ว่าเป็นสิ่งที่ “ขัดแย้งอย่างเห็นได้ชัดต่อภาพความสยดสยองในร้าน Rita ที่ทั้งเจ้าหน้าที่[องค์กรสิทธิมนุษยชน]และพลเรือน คือ เป้าหมายหลัก ๆ”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียถูกกล่าวหาว่า ทำการพุ่งเป้าโจมตีพลเรือนในครามาทอสก์

เมื่อวันที่ 8 เมษายน ปี ค.ศ. 2022 มีการกล่าวหาว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธเข้าใส่สถานีรถไฟในเมืองครามาทอสก์ และทำให้มีผู้เสียชีวิต 63 คน

ทั้งนี้ เครมลินออกมากล่าวอ้างอย่างผิด ๆ และอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ว่า ตนพุ่งเป้าโจมตีไปยังพื้นที่ด้านพลังงานและการทหารในยูเครนเท่านั้น

นอกจากนั้น รัสเซียยังดำเนินการพุ่งเป้าโจมตีต่อโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนอย่างต่อเนื่อง มาตั้งแต่เริ่มทำการรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ของปีที่แล้วด้วย

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ปี ค.ศ. 2022 รัสเซียยิงโจมตีกรุงเคียฟด้วยขีปนาวุธหลายสิบลูก ซึ่งส่งผลทำลายพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง รวมทั้ง อาคารสำนักงาน 1 แห่ง สะพานลอย 1 จุด สวน 1 แห่ง สี่แยกที่มีผู้สัญจรหนาแน่น 1 แห่ง และพื้นที่อื่น ๆ ของพลเรือนด้วย

และในเดือนเดียวกัน องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) กล่าวว่า กองกำลังรัสเซียตั้งใจจับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนเป็นเป้าเพื่อ “ทำให้พลเรือนในยูเครนประสบภาวะขาดแคลนความร้อน ไฟฟ้า และน้ำ ในขณะที่ ฤดูหนาวกำลังเยื้องย่างเข้ามา”

ฝ่าย Polygraph (polygraph.info) เคยรายงานก่อนหน้านี้แล้วว่า การทิ้งระเบิดเข้าใส่เป้าหมายของพลเรือนโดยไม่เลือกหน้านั้นเป็นยุทธวิธีที่รู้กันดีว่าเป็นของรัสเซียตั้งแต่เมื่อครั้งสงครามเชชเนียและการเข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองในซีเรีย

และเมื่อเดือนมีนาคมของปีที่แล้ว กองทัพอากาศรัสเซียทำการทิ้งระเบิดใส่โรงละครแห่งหนึ่งในเมืองมาริอูโพล ของยูเครน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้หญิงและเด็กจำนวนหนึ่งใช้เป็นที่หลบภัย และการโจมตีครั้งนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อย ตามการประเมินของหน่วยงานหลายแห่ง

และในช่วงเดือนเดียวกันนี้เอง การโจมตีทางอากาศของรัสเซียทำให้แผนกสูติกรรมแห่งหนึ่งในเมืองมาริอูโพล

ต่อมาในเดือนมิถุนายน รัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีเข้าใส่ห้าง Amstor Mall ของเมืองเครเมนชุก ในภาคกลางของยูเครน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คนและบาดเจ็บอีกหลายสิบ

หลักฐานต่าง ๆ ยังทำให้เชื่อว่า รัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายเขื่อนคาคอฟกา ทางใต้ของยูเครน เมื่อต้นเดือนมิถุนายนของปีนี้ ที่นำมาซึ่งภัยพิบัติด้านระบบนิเวศและด้านมนุษยธรรมรอบใหม่ด้วย

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รายงานขององค์การสหประชาชาติระบุว่า การเสียชีวิต-บาดเจ็บของพลเรือนในยูเครนกว่า 90% เกิดขึ้นจากขีปนาวุธ วัตถุระเบิด หรือ ทุ่นระเบิด และเศษซากระเบิดจากสงคราม

XS
SM
MD
LG