รัฐบาลยูเครนประกาศให้วันที่ 9 กรกฎาคมเป็นวันไว้อาลัย และเรียกร้องให้มีการประชุมฉุกเฉินโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) หลังจรวดของรัสเซียสังหารพลเรือนอย่างน้อย 37 ชีวิต และบาดเจ็บอีกมากกว่า 170 คนจากทั่วยูเครนในวันที่ 8 กรกฎาคม
ที่กรุงเคียฟ จรวดของรัสเซียพุ่งใส่โรงพยาบาลเด็กโอคห์มัตดิต (Okhmatdyt) สร้างความเสียหายอย่างหนักให้ศูนย์กุมารเวชที่ใหญ่ที่สุดของยูเครน การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้นำของอินเดียและฮังการีพยายามบรรลุข้อตกลงการเจรจาสันติภาพกับวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่กรุงมอสโก และหนึ่งวันก่อนพันธมิตรของยูเครนเริ่มประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ที่กรุงวอชิงตัน
รัฐบาลเครมลินและกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ปฏิเสธว่า ไม่ได้โจมตีโรงพยาบาลเด็ก รวมถึงเป้าหมายที่เป็นพลเรือนอื่น ๆ ในยูเครน
ดิมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลกรุงมอสโกกล่าวกับนักข่าวในวันที่ 9 กรกฎาคมว่า รัสเซียไม่ได้โจมตีเป้าหมายพลเรือน และหนึ่งวันก่อนหน้า กระทรวงกลาโหมรัสเซียก็มีแถลงการณ์ระบุว่า โรงพยาบาลเด็กดังกล่าวถูกทำลายโดยจรวดที่หลุดวิถีจากระบบป้องกันทางอากาศของยูเครน
แถลงการณ์ระบุว่า “ภาพและคลิปวิดีโอจำนวนมากเผยแพร่โดยกรุงเคียฟ ยืนยันข้อเท็จจริงโดยไม่ต้องสงสัย ว่าความพินาศนั้นเกิดจากจรวดป้องกันทางอากาศของยูเครนที่ตกลงมา หลังถูกยิงมาจากระบบขีปนาวุธป้องกันอากาศยานภายในเมือง”
อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งของรัสเซียนั้นเป็นความเท็จ
จรวดที่ทำลายโรงพยาบาลโอคห์มัตดิต คือ จรวดร่อนระยะไกลทางยุทธศาสตร์ Kh-101
จากหลักฐานที่พบในจุดเกิดเหตุ ซึ่งรวมถึงเศษชิ้นส่วนของจรวดและตัวเลขระบุผลิตภัณฑ์ (serial number) ที่ติดมาด้วย ทำให้หน่วยงานความมั่นคงยูเครนตรวจสอบและพบว่า จรวดดังกล่าวคือจรวด Kh-101 จากรัสเซีย
พยานในเหตุการณ์หลายสิบคนยังได้บันทึกภาพและวิดีโอในช่วงที่จรวด Kh-101 พุ่งเข้าใส่โรงพยาบาลเด็กดังกล่าว
ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์จากกระทรวงยุติธรรมยูเครน วิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลบนระบบดิจิทัล และได้ข้อสรุปว่า ภาพจรวดที่กำลังพุ่งเข้าใส่โรงพยาบาล เป็นจรวด Kh-101
ผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านการทหารและนักข่าวสืบสวนสอบสวน รวมถึง จูเลียน รอบเก จากสื่อ Bild ของเยอรมนี ได้ข้อสรุปเดียวกัน และนักข่าวจาก Bild ยังสันนิษฐานด้วยว่า เป็นเครื่องบิน Tu-95 ของรัสเซียที่ยิงจรวดร่อนนี้ขณะบินอยู่เหนือทะเลแคสเปียน
ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนยังออกมาหักล้างคำกล่าวของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารหลายคน ได้อธิบายผ่านสื่ออิสระของรัสเซีย Agentstvo ระบุว่า วิถีของขีปนาวุธตามที่ปรากฎนั้นเป็นวิถีที่ไม่สามารถยิงมาจากระบบป้องกันอากาศยานจากภาคพื้นดิน แต่ต้องเป็นการยิงมาจากอากาศยานอย่างแน่นอน
ผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคนยังออกมาหักล้างคำกล่าวของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารหลายคน ได้อธิบายผ่านสื่ออิสระของรัสเซีย Agentstvo ระบุว่า วิถีของขีปนาวุธตามที่ปรากฎนั้นเป็นวิถีที่ไม่สามารถยิงมาจากระบบป้องกันอากาศยานจากภาคพื้นดิน แต่ต้องเป็นการยิงมาจากอากาศยานอย่างแน่นอน
องค์กรคลังสมอง Institute for the Study of War (ISW) จากกรุงวอชิงตัน ออกมาโต้แถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเช่นกัน โดยวิเคราะห์ว่า “วิถีของจรวดในวิดีโอ และเครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ทที่มองเห็นใต้ท้องเครื่อง ก็ตรงกับโครงของ Kh-101 ของรัสเซีย และไม่ได้ช่วยยืนยันคำกล่าวที่ว่ามัน (จรวด) คือตัวป้องกันภัยทางอากาศ และไม่ได้ (ยืนยันคำกล่าว) ว่าจรวดดูเหมือนได้รับความเสียหายจากระบบป้องกันภัยทางอากาศ”
ที่ผ่านมา รัฐบาลกรุงมอสโกปฏิเสธอย่างต่อเนื่องว่า ไม่ได้เล็งโจมตีเป้าหมายและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน แต่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และหน่วยงานนานาชาติอื่น ๆ ตรวจสอบพบว่า การโจมตีของรัสเซีย คร่าชีวิตพลเรือนชาวยูเครนแล้วหลายพันคนนับตั้งแต่เริ่มรุกรานยูเครนแบบเต็มรูปแบบเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022
- ที่มา: ฝ่าย Polygraph วีโอเอ