สื่อสังคมออนไลน์ เฟสบุ๊ค (Facebook) เริ่มเตือนผู้ใช้งานของตนให้เริ่มสังเกตว่า มีเนื้อหาแนวลัทธิหัวรุนแรง ปรากฏขึ้นมาบ้างแล้วหรือไม่ เพื่อหวังช่วยสกัดกั้นการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อแพร่กระจายความรุนแรงที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์สลดในสังคมได้
สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า เฟสบุ๊ค เริ่มส่งคำเตือนแก่ผู้ใช้งาน ในรูปของคำถาม เช่น “คุณรู้สึกกังวลว่า ใครบางคนที่คุณรู้จักกำลังกลายมาเป็นพวกหัวรุนแรงหรือไม่” และ “คุณอาจเพิ่งประสบพบเนื้อหาแนวลัทธิหัวรุนแรงที่อันตรายเมื่อเร็วๆ นี้” พร้อมลิงค์ให้ผู้ใช้งานกดเพื่อติดต่อขอความช่วยเหลือจากทีมงาน
บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ถูกรัฐบาลและกลุ่มสิทธิพลเมืองหลายกลุ่มกดดันให้ร่วมมือช่วยต่อสู้กับการเผยแพร่แนวคิดสุดโต่งในแพลตฟอร์มของตนมาสักระยะแล้ว โดยหนึ่งในแรงกกดดัน คือ การเคลื่อนไหวในสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุจลาจลบุกยึดอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม โดยกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อหยุดยั้งการลงมติของสมาชิกสภาคองเกรสในการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้ว
เฟสบุ๊ค เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้เริ่มการทดสอบนำร่องขนาดเล็กเพื่อป้องกันการเผยแพร่ลัทธิการใช้ความรุนแรง บนแพลตฟอร์มของตนในสหรัฐฯ แล้ว ด้วยความหวังว่าจะสามารถขยายการใช้งานเต็มรูปแบบไปทั่วโลกในอนาคต
โฆษกของเฟสบุ๊ค ระบุในคำแถลงผ่านทางอีเมล์ว่า การทดสอบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานขนาดใหญ่เพื่อประเมินหนทางที่จะช่วยจัดหาทรัพยากรต่างๆ และสนับสนุนผู้ใช้งานเฟสบุ๊ค ที่อาจตกเป็นเหยื่อ หรือประสบพบเนื้อหาแนวลัทธิหัวรุนแรง รวมทั้งช่วยเหลือผู้ที่อาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องนี้ด้วย
คำแถลงฉบับนี้ ยังบอกด้วยว่า เฟสบุ๊คริเริ่มโครงการดังกล่าวตามคำมั่นที่ให้ไว้กับกลุ่ม Christchurch Call to Action ที่มีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งเข้าร่วม เพื่อต่อต้านการเผยแพร่ข้อมูลจากกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง และจัดตั้งขึ้นมาหลังเกิดเหตุยิงกราดมัสยิดในนิวซีแลนด์เมื่อปี ค.ศ. 2019 ที่มือปืนถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊คไปทั่วโลก
