Update: โรงแรมในเครือดุสิตธานีที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยาถูกโจมตี ทำให้มีผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 15 ราย โดยกลุ่มก่อการร้าย อัล-ชาบาบ (al-Shabab) ประกาศอ้างความรับผิดชอบ
ผู้ก่อการร้ายโจมตีโรงแรม Dusit D2 ด้วยระเบิดด้านนอก พร้อมกราดกระสุนยิงที่โรงแรมแห่งนี้ ประมาณบ่ายสามโมง ตามเวลาท้องถิ่นของเคนยา
ผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่าพบศพผู้เสียชีวิต อย่างน้อย 15 คน ที่สถานที่ตั้งของโรงแรม โดยพื้นที่อยู่ในโครงการซึ่งมี ร้านอาหาร ร้านค้าและสำนักงานรวมอยู่ด้วย
วีโอเอสัมภาษณ์ ผู้เห็นเหตุการณ์รายหนึ่งที่ชื่อ ดูราน ฟาราห์ เขากล่าวว่ามีคนจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อถึงเวลาค่ำยังมีเสียปืนดังมาจากสถานที่ดังกล่าว และตำรวจได้ขอให้นักข่าวออกจากพื้นที่
ในเวลาต่อมาทางการเคนยากล่าวว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
ตามข้อมูลของบริษัทดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ณ เดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว โรงแรม Dusit D2 ที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา มีห้องพัก 101 ห้อง และเป็นหนึ่งในกิจการโรงแรมของบริษัท 26 แห่งใน 9 ประเทศ จำนวนห้องพักของโรมแรมในเครือดุสิตทั้งหมดมี 6,754 ห้อง
บริษัทดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน ของ Dusit D2 ที่กรุงไนโรบี แต่เป็นผู้บริหารจัดการให้กับสาขาดังกล่าว โดยกิจการที่ประเทศเคนยาเริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 2014
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าย่านดังกล่าวในกรุงไนโรบีเป็นย่านที่ดีและเป็นที่ตั้งของร้านค้าราคาแพงในเมืองหลวงของเคนยา
กลุ่มติดอาวุธ อัล-ชาบาบ ซึ่งมีฐานบัญชาการในประเทศโซมาเลียอ้างความรับผิดชอบในการโจมตีครั้งนี้ ในแถลงการณ์ออนไลน์
อัล-ชาบาบกล่าวด้วยว่ามีการโจมตีต่อเนื่อง แม้กลุ่มก่อการร้ายนี้อ้างว่ามีผู้เสียชีวิต 47 คน ตัวเลขดังกล่าวไม่สามารถยืนยันความถูกต้องจากแหล่งข่าวอื่นๆ
ที่ผ่านมากลุ่มดังกล่าว ก่อความรุนเเรงในเคนยาหลายครั้ง รวมถึงการโจมตีเมื่อปี ค.ศ. 2013 ที่ห้างเวสต์เเกต ในกรุงไนโรบีเป็นเหตให้มีผู้เสียชีวิต 67 รายและบาดเจ็บอีก 150 คน
หนึ่งวันก่อนหน้าการโจมตีที่โรงแรม Dusit D2 ศาลเคนยาตัดสินให้มีการดำเนินคดีผู้ต้องสงสัยสามรายจากข้อกล่าวหาสนับสนุนการก่อเหตุโจมตีห้างเวสต์เเกต
ในการโจมตีโรงเเรม Dusit D2 ผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับวีโอเอว่า มีเสียระเบิดดังด้านประตูทางเข้า จากนั้นมีการใช้ปืนยิงต่อสู้กัน
ผู้ที่ทำงานในอาคารดังกล่าวที่หนีออกมากล่าวว่าภายในตึกยังมีคนที่พยายามรักษาชีวิตด้วยการหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงาน
ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกำลังติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น อย่างที่ดำเนินการมาในอดีต
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของผู้สื่อข่าววีโอเอ Nike Ching, Huran Maruf, Jeff Seldin, Daniel Schearf และ Mohammed Yusuf)