สหภาพยุโรปประกาศแผนดำเนินมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อเบลารุสในวันจันทร์ โดยพุ่งเป้าไปยังเจ้าหน้าที่และองค์กรต่างๆ ที่เป็นของรัฐรวม 86 ราย ขณะที่สหรัฐฯ ออกมาตรการลงโทษต่างหาก และอังกฤษกำลังพิจารณาเตรียมดำเนินการแบบเดียวกันในเร็วๆ นี้
รัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศการดำเนินมาตรการลงโทษ หลังรัฐบาลของประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก สั่งให้เครื่องบินไอพ่นของกองทัพเบลารุสบินประกบเที่ยวบินของสายการบินไรอันแอร์ ที่บินผ่านน่านฟ้าของตนเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อบังคับให้เที่ยวบินนั้นลงจอดที่กรุงมินสก์ เพื่อจับกุม รามัน ปราตาเซียวิช ผู้สื่อข่าวฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล พร้อมแฟนสาว และควบคุมตัวทั้งคู่ไว้นับแต่นั้นมา รวมทั้งเป็นการลงโทษต่อการที่รัฐบาลเบลารุสทำการปราบปรามการประท้วงต่อต้านผลการเลือกตั้งทั่วไป ตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว
ปธน.ลูคาเชนโก ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่หลายฝ่ายมองว่ามีเหตุทุจริตมากมาย
มาตรการลงโทษรอบล่าสุดของอียูต่อเบลารุสนี้ มีทั้งการสั่งห้ามบุคคลซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานคมนาคม กลาโหม และการควบคุมการจราจรทางอากาศ รวมทั้งตัวแทนขององค์กรต่างๆ ในรายชื่อบัญชีดำห้ามเดินทางเข้าพื้นที่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และการอายัดทรัพย์สินต่างๆ
ชาร์ลส มิเชล ประธานสภาสหภาพยุโรป กล่าวว่า อียู ทำการส่งสัญญาณความสนับสนุนให้กับประชาชนของเบลารุส ในรูปของมาตรการลงโทษจำกัดต่างๆ และรัฐบาลเบลารุสควรตระหนักว่า สิ่งที่อียูแนะนำให้ดำเนินการก็คือ การปล่อยตัวนักโทษการเมืองทั้งหลายให้เป็นอิสระ และยุติการปราบปรามข่มเหงฝ่ายตรงข้ามทันที
รายงานข่าวระบุว่า รมต.ต่างประเทศอียู ยังเตรียมขยายขอบเขตมาตการลงโทษให้ครอบคลุมไปถึงการจำกัดการส่งออกปุ๋ยโปแตช และผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม รวมทั้งการสั่งห้ามธนาคารของยุโรปอนุมัติเงินกู้แก่เบลารุสด้วย
ทั้งนี้ เบลารุส คือผู้ส่งออกรายใหญ่ของโปแตช ที่ใช้ในการผลิตปุ๋ย และสารเคมีอื่นๆ โดยอียูนำเข้าสารเคมีมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์จากประเทศนี้ และนำเข้าน้ำมันดิบและน้ำมันหล่อลื่นอื่นๆ เป็นมูลค่าถึง 1,200 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม มาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจที่อียูดำเนินการต่อเบลารุสเท่าที่ผ่านมานั้น ไม่ได้ช่วยโน้มนาวให้ ปธน.ลูคาเชนโก ลดราวาศอกในด้านการปราบปรามผู้เห็นต่างเท่าใดนัก ขณะที่กลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างๆ รายงานว่า ทางการเบลารุสจับกุมและทำการทรมานผู้ประท้วงไปหลายพันคนแล้ว และเชื่อกันว่ามีการคุมขับผู้ชุมนุมประท้วงไว้อีกราว 30,000 คนด้วย
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ประกาศดำเนินมาตรการลงโทษเบลารุสโดยพุ่งเป้าไปยังเจ้าหน้าที่รัฐจำนวน 16 คนและองค์กรที่เป็นของรัฐอีก 5 แห่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า รัฐบาลของปธน.ลูคาเชนโก “ทำการยกระดับความรุนแรงและการกดขี่ข่มเห่ง” ต่อประชาชน