จำนวนผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสในหลายประเทศของยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในวันเสาร์และวันอาทิตย์ เช่นเดียวกับการประท้วงต่อต้านมาตรการควบคุมการระบาดของรัฐบาล ที่ลุกลามขยายวงกว้างในหลายเมืองใหญ่ของยุโรป
เยอรมนี
เจ้าหน้าที่รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นสถิติใหม่ในวันเสาร์ที่ 14,714 คน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 49 คน เป็นมากกว่า 10,000 คนแล้ว
นายกรัฐมนตรีเยอรมนี อังเกลา แมร์เคิล กล่าวกระตุ้นให้ประชาชนจำกัดการติดต่อใกล้ชิดกับผู้อื่น เพื่อให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน
อิตาลี
กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 20,000 รายในวันเสาร์ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 151 ราย เป็น 37,210 ราย มากที่สุดเป็นอันดับสองของยุโรปรองจากอังกฤษ
นายกรัฐมนตรีจูเซ็ปเป้ คอนเต้ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ต้องการกลับไปใช้มาตรการล็อคดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง และตอนนี้อนุญาตให้รัฐบาลส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ประกาศใช้มาตรการควบคุมและเคอร์ฟิวในแต่ละพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดในพื้นที่นั้น ๆ
อย่างไรก็ตาม ที่เมืองเนเปิลส์ ประชาชนจำนวนมากออกมาเดินขบวนต่อต้านมาตรการควบคุมของรัฐบาลและเกิดการปะทะกับตำรวจจนต้องใช้แก๊สน้ำตาในการสลายผู้ชุมนุม
สเปน
รัฐบาลสเปนเตรียมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศอีกครั้งในวันอาทิตย์ เพื่อควบคุมการระบาดรอบใหม่ หลังจากเคยประกาศมาแล้วเมื่อเดือนมีนาคมในช่วงที่เกิดการระบาดสูงสุด และเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วในกรุงมาดริด
มาตรการใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้นี้จะรวมถึงการจำกัดให้ประชาชนอยู่แต่ภายในบ้าน ปิดร้านค้าต่าง ๆ และจ้างบริษัทเอกชนให้เข้ามาช่วยในการรับมือการระบาดของโควิด-19
ประเทศอื่นในยุโรป
สโลเวเนียสั่งปิดโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และธุรกิจที่ไม่จำเป็นต่าง ๆ ส่วนกรีซประกาศใช้มาตรการบังคับการสวมหน้ากากและมาตรการเคอร์ฟิวในกรุงเอเธนส์ รวมทั้งพื้นที่เสี่ยงอื่น ๆ
ที่โปแลนด์ เกิดการประท้วงของประชาชนที่ไม่พอใจกับมาตรการควบคุมการระบาด ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตาและสเปรย์พริกไทยในการสลายฝูงชน
อเมริกาใต้
โคลัมเบีย กลายเป็นประเทศที่ 8 ที่มีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสเกินหนึ่งล้านคน ต่อจาก สหรัฐฯ อินเดีย บราซิล รัสเซีย อาร์เจนตินา ฝรั่งเศส และสเปน และเป็นประเทศที่ 3 ในอเมริกาใต้ ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขโคลัมเบีย