คณะกรรมาธิการยุโรป เสนอแผนร่างกฎใหม่ที่จะยับยั้งไม่ให้ธุรกิจที่มีรัฐบาลต่างชาติอุดหนุนอยู่ เข้าซื้อกิจการต่างๆ ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป หรือเข้าร่วมการประมูลงานต่างๆ โดยมีเป้าหมายหลักคือการสกัดกั้นการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากจีน
เออร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ทวีตข้อความในวันพุธที่ระบุว่า “สหภาพยุโรป หรือ อียู คือตลาดที่เปิดมากที่สุดในโลก แต่การเปิดกว้างนั้น มาพร้อมกับคำว่า ยุติธรรมด้วย” พร้อมชี้ว่า ข้อเสนอการร่างกฎใหม่นี้จะช่วยให้การแข่งขันในตลาดอียูนำเสนอโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกฝ่ายได้
แผนงานล่าสุดของคณะกรรมาธิการยุโรปนั้น แสดงให้เห็นถึงจุดยืนของนโยบายปกป้องคุ้มครองทางการค้า หลังเกิดการเข้าซื้อกิจการธุรกิจในยุโรปอย่างมากมายโดยนักลงทุนต่างชาติในช่วงที่ผ่านมา และสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวว่า ต่างชาติจะแห่กันมาซื้อบริษัทต่างๆ ที่ประสบภาวะเดือดร้อนเพราะโควิด-19 จนราคาหุ้นตกต่ำไปแล้ว
ภายใต้ข้อเสนอนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปจะสั่งสอบสวนกรณีการเข้าซื้อกิจการใดๆ โดยนักลงทุนต่างชาติที่อาจมีเหตุบ่งชี้ว่าได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลเพื่อเข้าควบคุมบริษัทสัญชาติยุโรปที่มีมูลค่ายอดขายตั้งแต่ 500 ล้านยูโร หรือราว 600.4 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป หรือ เพื่อเข้าร่วมโครงการประมูลใดๆ ในกลุ่มประเทศสมาชิกที่มีมูลค่าตั้งแต่ 250 ล้านยูโรขึ้นไปด้วย
คาดกันว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะได้รับการเห็นชอบจากสมาชิกอียูและรัฐสภาอียูเองในไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่ รัฐบาลและธุรกิจต่างชาติหลายแห่งน่าจะพยายามทำการล็อบบี้เพื่อให้แผนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ทั้งนี้ มาร์เกร็ทเทอร์ เวสตาเกอร์ ผู้ดูแลงานด้านการต่อต้านการทุ่มตลาดของอียู กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า กฎใหม่นั้นจะถูกบังคับใช้ในทุกภาคอุตสาหกรรม ภายใต้แนวคิดว่า “ยุโรปพร้อมเปิดทำธุรกิจ” แต่ การลงทุนที่ไหลเข้ามานั้นจะต้องเป็นไปอย่างยุติธณรมและโปร่งใส