ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าในการเกิดโรคท่อปัสสาวะอักเสบจากเชื้อเเบคทีเรียที่เรียกว่า UTI’s และพบว่าการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคนี้ได้
บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าราว 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงทั้งหมดจะเป็นโรคท่อปัสสาวะอักเสบจากเชื้อเเบคทีเรียในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิตและอย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงกลุ่มนี้จะเกิดอาการอักเสบซ้ำหลายครั้ง คุณอานาลลี เบราเน่อร์ นักวิจัยและผู้ให้คำปรึกษาที่สถาบัน Karoliska ในสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าอาการอักเสบที่เกิดซ้ำหลายครั้งมักเกิดขึ้นในบรรดาผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน
จากการศึกษาเรื่องนี้ ทีมนักวิจัยหลายทีม รวมทั้งคุณโบรเน่อร์พบว่าผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้นในการเกิดอาการอักเสบในท่อปัสสาวะซ้ำเนื่องจากเยื่อบุภายในถุงน้ำปัสสาวะอ่อนแอมากขึ้น เกิดช่องโหว่ขึ้นในเนื้อเยื่อทำให้เชื้อเเบคทีเรียเข้าไปในเนื้อเยื่อได้ง่ายทำให้เกิดอาการอักเสบ
คุณเบราเน่อร์ กล่าวว่าการศึกษาพบว่ามีจำนวนเชื้อเเบคทีเรียจำนวนมากภายในเนื้อเยื่อบุผนังถุงน้ำปัสสาวะและเชื้อเเบคทีเรียเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณเบราเน่อร์ชี้ว่าเชื้อเเบคทีเรียเหล่านี้ยังสามารถหลบหลีกจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ป่วยได้ด้วย
คุณเบราเน่อร์ กล่าวว่าโดยธรรมชาติ ร่างกายคนเราจะผลิตสารต่อต้านเชื้อโรคหากมีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายแต่เนื่องจากเชื้อเเบคทีเรียสามารถแอบซ่อนตัวอยู่ลึกในเนื่อเยื่อบุผนังถุงน้ำปัสสาวะ ระบบต่อต้านเชื้อโรคตามธรรมชาติของร่างกายจึงทำงานไม่ได้ผลเท่าที่ควร
คุณเบราเน่อร์ ค้นพบว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมที่ให้แก่ผู้ป่วยหญิงวัยหมดประจำเดือนผ่านทางช่องคลอดได้ผลดีในการช่วยกระตุ้นเนื้อเยื่อผนังถุงน้ำปัสสาวะซ่อมเเซมตัวเองให้เเข็งเเรงขึ้น ทำให้ติดเชื้อเเบคทีเรียยากขึ้น คุณเบราเน่อร์กล่าวว่าผลการทดลองบำบัดด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมในหนูทดลองก็ได้ผลดีเช่นกัน
คุณเบราเน่อร์กล่าวปิดท้ายรายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอที่กรุงวอชิงตันว่าผลการทดลองบำบัดนี้ทำให้ทีมนักวิจัยเชื่อว่าการบำบัดผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ป่วยด้วยอาการท่อปัสสาวะอักเสบซ้ำๆด้วยการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมเป็นวิธีที่ได้ผลในการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อเเบคทีเรียซ้ำแล้วซ้ำอีก
บรรดาผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าราว 60 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงทั้งหมดจะเป็นโรคท่อปัสสาวะอักเสบจากเชื้อเเบคทีเรียในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิตและอย่างน้อย 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงกลุ่มนี้จะเกิดอาการอักเสบซ้ำหลายครั้ง คุณอานาลลี เบราเน่อร์ นักวิจัยและผู้ให้คำปรึกษาที่สถาบัน Karoliska ในสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดนกล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าอาการอักเสบที่เกิดซ้ำหลายครั้งมักเกิดขึ้นในบรรดาผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน
จากการศึกษาเรื่องนี้ ทีมนักวิจัยหลายทีม รวมทั้งคุณโบรเน่อร์พบว่าผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือนมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้นในการเกิดอาการอักเสบในท่อปัสสาวะซ้ำเนื่องจากเยื่อบุภายในถุงน้ำปัสสาวะอ่อนแอมากขึ้น เกิดช่องโหว่ขึ้นในเนื้อเยื่อทำให้เชื้อเเบคทีเรียเข้าไปในเนื้อเยื่อได้ง่ายทำให้เกิดอาการอักเสบ
คุณเบราเน่อร์ กล่าวว่าการศึกษาพบว่ามีจำนวนเชื้อเเบคทีเรียจำนวนมากภายในเนื้อเยื่อบุผนังถุงน้ำปัสสาวะและเชื้อเเบคทีเรียเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณเบราเน่อร์ชี้ว่าเชื้อเเบคทีเรียเหล่านี้ยังสามารถหลบหลีกจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ป่วยได้ด้วย
คุณเบราเน่อร์ กล่าวว่าโดยธรรมชาติ ร่างกายคนเราจะผลิตสารต่อต้านเชื้อโรคหากมีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายแต่เนื่องจากเชื้อเเบคทีเรียสามารถแอบซ่อนตัวอยู่ลึกในเนื่อเยื่อบุผนังถุงน้ำปัสสาวะ ระบบต่อต้านเชื้อโรคตามธรรมชาติของร่างกายจึงทำงานไม่ได้ผลเท่าที่ควร
คุณเบราเน่อร์ ค้นพบว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมที่ให้แก่ผู้ป่วยหญิงวัยหมดประจำเดือนผ่านทางช่องคลอดได้ผลดีในการช่วยกระตุ้นเนื้อเยื่อผนังถุงน้ำปัสสาวะซ่อมเเซมตัวเองให้เเข็งเเรงขึ้น ทำให้ติดเชื้อเเบคทีเรียยากขึ้น คุณเบราเน่อร์กล่าวว่าผลการทดลองบำบัดด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมในหนูทดลองก็ได้ผลดีเช่นกัน
คุณเบราเน่อร์กล่าวปิดท้ายรายงานจากผู้สื่อข่าววีโอเอที่กรุงวอชิงตันว่าผลการทดลองบำบัดนี้ทำให้ทีมนักวิจัยเชื่อว่าการบำบัดผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ป่วยด้วยอาการท่อปัสสาวะอักเสบซ้ำๆด้วยการให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเสริมเป็นวิธีที่ได้ผลในการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อเเบคทีเรียซ้ำแล้วซ้ำอีก