รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มาร์ค เอสเปอร์ กล่าวเตือนในวันพฤหัสบดีว่า ระเบียบโลกที่มี "เสรีและเปิดกว้าง" ซึ่งสร้างขึ้นในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง กำลังถูกทำร้ายด้วยพฤติกรรมที่ "แหกกฎ" ของจีน ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
รมต.เอสเปอร์ กล่าวที่ฮาวาย ก่อนเดินทางไปเกาะกวมเพื่อเข้าร่วมในพิธีรำลึกถึงวันครบรอบ 75 ปี การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง โดยระบุว่า ปัจจุบันภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก คือ "ศูนย์กลาง" ของการแข่งขันของประเทศมหาอำนาจ พร้อมทั้งรับปากว่าจะไม่ยอมถอยให้กับประเทศที่คุคามเสรีภาพระหว่างประเทศเด็ดขาด
รมต.เอสเปอร์ กล่าวว่า "กองทัพปลดแอกประชาชนจีน ยังคงเดินตามแผนการสร้างกองทัพยุคใหม่ที่มีความทันสมัยและศักยภาพในระดับโลกให้ได้ภายในช่วงกลางศตวรรษนี้ ซึ่งจะยิ่งทำให้จีนมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก รวมทั้งภูมิภาคอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจของรัฐบาลจีนอย่างแน่นอน"
รมต.กลาโหมสหรัฐฯ เรียกร้องให้พันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคนี้เพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม และลดการพึ่งพาเทคโนโลยีด้านโทรคมนาคมจากจีน รวมทั้งประเมินความเสี่ยงในระยะยาวจากการใช้เทคโนโลยีเหล่านั้น
ทางด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมจีน หวู เจี้ยน กล่าวกับสื่อมวลชนในวันพฤหัสบดีเช่นกันว่า สหรัฐฯ ยังคงพยายามสร้างความตึงเครียดและทำลายอธิปไตยและความมั่นคงของจีน พร้อมเสริมว่า เวลานี้ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศได้ถูกทำลายอย่างย่อยยับ
เมื่อวันพุธ สหรัฐฯ ประกาศมาตรการลงโทษชุดใหม่ต่อบริษัทจีน 24 แห่ง และพลเมืองจีนหลายคนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการขยายอำนาจทางทหารและสร้างเกาะเทียมขึ้นในทะเลจีนใต้ ท่ามกลางข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ มีแถลงการณ์ว่า บริษัทจีนเหล่านั้นมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือกองทัพจีนในการสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในทะเลจีนใต้ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศว่า รัฐบาลกรุงวอชิงตันได้สั่งห้ามการออกวีซ่าแก่พลเมืองชาวจีนที่มีส่วนร่วมในโครงการของกองทัพจีนเหล่านั้นแล้ว