ผู้อำนวยการสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐฯ หรือ EPA นายสก็อตต์ พรูอิตต์ (Scott Pruitt) ประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันพฤหัสบดี หลังจากเผชิญข่าวอื้อฉาวหลายเรื่อง และข้อกล่าวหาเรื่องละเมิดประพฤติผิดจรรยาบรรณ
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความในวันพฤหัสบดีว่า ตนได้ยอมรับการลาออกของนายพลูอิตต์แล้ว และว่านายพลูอิตต์ได้ปฏิบัติอย่างโดดเด่นมาโดยตลอด และได้สร้างอนาคตที่สดใสให้กับ EPA
แต่ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ มิได้กล่าวถึงข้อกล่าวหาที่มีต่ออดีตรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมผู้นี้แต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมิได้ระบุถึงสาเหตุของการลาออกของนายพลูอิตต์ด้วย
ไม่กี่สัปดาห์ก่อน ปธน.ทรัมป์ เพิ่งออกมากล่าวปกป้องนายพลูอิตต์ โดยบอกว่าเขาตกเป็นเหยื่อของการโจมตีโดยสื่อกระแสหลักในสหรัฐฯ
แต่ในการประกาศการลาออกของนายพลูอิตต์ที่ทำเนียบขาวในวันนี้ ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า นายพลูอิตต์มิได้ไร้มลทิน และมิได้ตอบคำถามนักข่าวที่ว่า ปธน.ทรัมป์ เหนื่อยหน่ายกับนายพลูอิตต์แล้วใช่หรือไม่
เวลานี้ นายพลูอิตต์กำลังถูกตรวจสอบจากรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในหลายเรื่อง รวมทั้งการเดินทางด้วยเครื่องบินชั้นหนึ่งโดยใช้เงินภาษีประชาชน และการสั่งให้สร้างห้องเก็บเสียงในห้องทำงานของตนมูลค่า 43,000 ดอลลาร์ และมีรายงานว่า นายพลูอิตต์จ่ายค่าเช่าอพาร์ตเมนต์หรูในกรุงวอชิงตันให้กับนักล็อบบี้ ในราคาเพียงเดือนละ 50 ดอลลาร์เท่านั้น แทนที่จะจ่ายในราคาปกติคือหลายพันดอลลาร์ต่อเดือน
นอกจากนี้ พนักงานของ EPA หลายคนยังกล่าวหาว่าถูกนายพลูอิตต์สั่งให้ไปทำงานส่วนตัว ไม่ต่างกับคนทำงานบ้าน
แต่ข้อกล่าวหาต่างๆ เหล่านี้ยังไม่สำคัญเท่ากับเสียงวิจารณ์ที่ว่า ในช่วง 16 เดือนตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง นายพลูอิตต์สั่งยกเลิกกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมหลายอย่างที่นำออกมาใช้ในสมัยประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า และแสดงออกอย่างชัดเจนถึงการสนับสนุนอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงจากฟอสซิล รวมทั้งการสั่งให้ถอดคำว่า "การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก" ออกจากเว็บไซต์ของ EPA ด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับคาดหมายว่าจะทำหน้าที่แทนนายพลูอิตต์นั้น คือนายแอนดรูว์ วีลเลอร์ ซึ่งเป็นอดีตทนายความและนักล็อบบี้ให้กับอุตสาหกรรมถ่านหินตัวยง และคาดว่าจะดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่ไม่แตกต่างจากที่นายพลูอิตต์ได้ทำไว้แต่อย่างใด