ที่ผ่านมามีการคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และช่วยทำให้เกิดกระแสนิยมใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดประการหนึ่ง คือยานยนต์จะต้องได้รับการชาร์จแบตเตอร์รี่บ่อยครั้ง
ประเด็นปัญหาทางเทคนิคดังกล่าวชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อผู้ขับรถต้องเดินทางระยะไกล นักประดิษฐ์จึงใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์ พัฒนาถนนที่ช่วยชาร์จแบตเตอร์รี่ให้กับรถ เมื่อรถอยู่ระหว่างการเดินทาง
ผู้พัฒนาถนนชาร์จพลังงานไฟฟ้ารายแรก คือบริษัทสวีเดนที่ชื่อ Elways ซึ่งร่วมมือกับพันธมิตรอีกหลายองค์กร ภายใต้โครงการที่ชื่อ eRoadArlanda
นาย Hans Saell ซีอีโอของ Elways ได้เริ่มต้นโครงการ eRoadArlanda ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขากล่าวว่า ในเนื้อถนนที่รถแล่นไป มีรางความกว้าง 15 เซนติเมตร สำหรับการชาร์จไฟฟ้าติดอยู่ ซึ่งรถที่นำมาทดลอง มีเครื่องมือที่รับสัญญาณอัตโนมัติจากถนนที่มีระบบเติมพลังงานไฟฟ้านี้
และเมื่อรับทราบสัญญาณ แขนกลพิเศษจะยื่นออกมาจากใต้ท้องรถ มาสัมผัสกับรางบนถนนเพื่อชาร์จไฟ
ในการทดลอง รถบรรทุกที่ติดระบบพิเศษ สามารถเดินทาง ระยะ 2 กิโลเมตร บนถนนชาร์จไฟฟ้าที่ถูกสร้างขึ้นมา
แนวทางดังกล่าวช่วยให้ผู้ขับไม่ต้องกังวลถึงจุดเติมพลังงานไฟฟ้า เพราะระบบรางติดอยู่กับถนนและสามารถสื่อสารกับตัวรถได้อย่างอัตโนมัติ
ข้อดีอีกประการหนึ่งคือ หากสร้างถนนที่สามารถชาร์จแบตเตอร์รี่ได้อย่างแพร่หลาย ขนาดของแบตเตอรี่ไม่จำเป็นต้องใหญ่เท่ากับรถพลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน และนั่นอาจช่วยทำให้ราคารถพลังงานไฟฟ้าต่ำลงในอนาคตได้
สำหรับค่าใช้จ่ายในการสร้างถนนเติมพลังงานไฟฟ้า จะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์ต่อกิโลเมตร
Hans Saell กล่าวว่าคงต้องใช้เวลาอีก 5 ถึง 10 กว่าที่จะนำเทคโนโลยีจากโครงการนี้มาใช้ในวงกว้าง
อีกบริษัทหนึ่งที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีถนนชาร์จแบตเตอร์รี่ คือ Qualcomm Technologies Inc โดยระบบที่ใช้เรียกว่า Halo
เทคโนโลยีของ Qualcomm มีลักษณะเด่นตรงที่การเติมพลังงานไฟฟ้าแบบไร้สาย กล่าวคือ ถนนจะมีส่วนที่พื้นผิว สามารถเติมแบตเตอรี่ให้กับรถได้ เมื่อยานยนต์แล่นผ่านพื้นผิวถนนที่มีระบบ dynamic charging ของเทคโนโลยี Halo
Qualcomm กล่าวว่า กำลังการส่งไฟของเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่ที่ 20 กิโลวัตต์ เมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วบนทางหลวง
หลังจากการทดสอบเป็นเวลา 1,000 ชั่วโมง Qualcomm นำเสนอเทคโนโลยีนี้เมื่อปีที่แล้วบนถนนความยาว 100 เมตรในประเทศฝรั่งเศส
และที่การแสดงศักยภาพในครั้งนั้น รถยนต์ได้รับกำลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้นทั้งขณะที่ขับเดินหน้าและถอยหลัง
(รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของผู้สื่อข่าววีโอเอประจำทำเนียบขาว Bryan Lynn)