ลิ้งค์เชื่อมต่อ

สมาคมกุมารแพทย์อเมริกันเผยแนวปฏิบัติใหม่ที่เตือนผลเสียของการตีลูก


แนวปฏิบัติในการสอนลูกที่เหมาะสมคือให้รางวัลพฤติกรรมที่ดี ทำโทษด้วยการแยกเด็กที่ทำผิดออกไป และชี้ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างพฤติกรรมกับผลที่ตามมา

please wait

No media source currently available

0:00 0:04:49 0:00

สมาคมกุมารแพทย์อเมริกันเผยแพร่นโยบายปฏิบัติใหม่ซึ่งปรับปรุงจากข้อแนะนำเดิมที่เคยใช้มา 20 ปีเรื่องการสร้างวินัยสำหรับเด็ก โดยแนวทางปฏิบัติใหม่ที่อาศัยข้อมูลจากผลการวิจัยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้เตือนถึงผลเสียของการลงโทษทางร่างกายต่อเด็ก

สมาคมกุมารแพทย์อเมริกันซึ่งเป็นตัวแทนแพทย์ราว 67,000 คนนี้ยังเสนอด้วยว่ากุมารแพทย์ควรแนะนำพ่อแม่ผู้ปกครองให้เลิกใช้วิธีลงโทษด้วยการตีสั่งสอน รวมทั้งควรเลิกใช้วิธีลงโทษอื่นๆ ซึ่งแม้จะไม่มีการสัมผัสกับร่างกายโดยตรงแต่ก็สร้างความหวาดกลัวหรือสร้างความอับอายได้เช่นกัน

นายแพทย์ Robert D Sege กุมารแพทย์ผู้หนึ่งซึ่งร่วมยกร่างนโยบายใหม่นี้อธิบายว่าความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่เรามีคือความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่ดังนั้นพ่อแม่ผู้ปกครองจึงควรกำจัด หรือจำกัดความรู้สึกหวาดกลัวหรือการใช้กำลังรุนแรงในความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความรักนี้ การวิเคราะห์ผลการศึกษาหลายชิ้นเกี่ยวกับวิธีลงโทษเด็กได้พบว่าเด็กจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการถูกตีสั่งสอนเพราะวิธีนี้ไม่ใช่หนทางดีที่สุดที่จะสอนว่าอะไรถูกหรือผิด

นอกจากนั้นผลการศึกษาช่วงหลังยังพบว่าการสั่งสอนเด็กด้วยวิธีลงโทษทางร่างกายนั้นเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับพฤติกรรมที่รุนแรงและอาจทำให้เด็กมีพฤติกรรมแบบต่อต้านขัดขืนในอนาคตได้ด้วย

นอกจากนั้นการลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีอย่างรุนแรงอาจส่งผลต่อสมองได้เช่นกันผลการศึกษาเมื่อปี 2552 พบว่าชายวัยหนุ่ม 23 คนซึ่งเคยถูกลงโทษทางร่างกายอย่างหนักมีสารสีเทาในสมองส่วนหน้าลดน้อยลงและมีไอคิวต่ำลงด้วย โดยสารสีเทาในสมองนี้เชื่อกันว่ามีบทบาทสำคัญในการสร้างความสามารถในการรับรู้ทางสังคม

ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าวิธีที่ดีที่สุดในการสอนหรือสร้างวินัยให้กับเด็กนั้นขึ้นอยู่กับอายุและภาวะทางอารมณ์ของเด็กแต่ละคน เพราะวิธีสร้างวินัยอย่างได้ผลคือความสามารถในการหยั่งรู้อารมณ์และเข้าใจว่าจะสอนเด็กในแต่ละช่วงอายุและพัฒนาการอย่างไรให้สามารถควบคุมตนเองได้ โดยเว็บไซต์ HealthyChildren.org ของสมาคมกุมารแพทย์อเมริกันให้คำแนะนำเรื่องการสอนวินัยให้กับทั้งเด็กเล็กและเด็กโตว่า ควรรวมถึงการให้รางวัลพฤติกรรมที่ดี การทำโทษด้วยการแยกเด็กที่ทำผิดให้ออกไปอยู่ต่างหากตามลำพัง รวมถึงการทำให้เด็กเห็นความสัมพันธ์อย่างชัดเจนระหว่างพฤติกรรมกับผลที่จะเกิดตามมา เป็นต้น

อย่างไรก็ตามผลการสำรวจในอเมริกาแสดงว่าจำนวนพ่อแม่ซึ่งใช้วิธีตีสั่งสอนนั้นลดลงในช่วง 20 ปีหลังนี้ คือเมื่อปี 2538 ราว 80% ของพ่อแม่ชาวอเมริกันยอมรับว่าตนตีลูกขณะที่จำนวนดังกล่าวลดลงเหลือ 67% จากการสำรวจเมื่อปี 2556 และศาสตราจารย์ Elizabeth T. Gershoff ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐเท็กซัสที่เมืองออสตินสรุปว่า ขณะนี้เรากำลังเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติจากความเชื่อเดิมที่ว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ที่จะตีเด็กสั่งสอนเพื่อกวดขันวินัย โดยอาจารย์ Elizabeth T. Gershoff สรุปว่าวิธีสอนลูกที่ได้ผลคือการทำให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่นั้นมีความปรารถนาดีและทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของลูก เพราะหากว่าเด็กไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวพ่อแม่ผู้ปกครองแล้วเด็กก็จะไม่ต้องการทำในสิ่งที่พ่อแม่พร่ำสอนอย่างแน่นอน

XS
SM
MD
LG