ประธานธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB มาริโอ ดรากี กางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เมื่อวันพฤหัสบดี ตั้งแต่การหั่นดอกเบี้ยนโยบายลง รวมทั้งจะกลับมาซื้อพันธบัตรหรือทรัพย์สินต่างๆ หรือที่เรียกว่า QE อีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก อันเนื่องมาจากความบาดหมางทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน รวมทั้งการแยกตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ หรือ เบร็กซิต
นายดรากี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ทาง ECB จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงจาก -0.4% เป็น -0.5% ซึ่งหมายถึงว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องเป็นผู้จ่ายดอกเบี้ยสำหรับเงินที่นำไปฝากไว้กับธนาคารกลาง แทนที่จะได้รับดอกเบี้ย อันเป็นมาตรการกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ทาง ECB จะเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ราว 22,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 19 ประเทศในกลุ่มยูโรโซน
พร้อมกันนี้ ทาง ECB ยืนยันว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำกว่าศูนย์ต่อไปจนกว่าระดับเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นถึงเป้าหมายที่ 2% จากที่ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ที่ 1% เท่านั้น
การตัดสินใจของ ECB สอดรับกับทิศทางธนาคารกลางทั่วโลก ซึ่งรวมทั้งระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ เพื่อรองรับกับทิศทางการค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง รวมทั้งมีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะหั่นดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุม FOMC 17-18 กันยายนนี้