แม้จะมีความหวาดกลัวมากขึ้นว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบล่าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากมายมหาศาลเกินการควบคุม แต่เริ่มมีข่าวดีขึ้นมาบ้างเมื่อแพทย์และพยาบาลกำลังเรียนรู้วิธีดูแลผู้ติดเชื้ออีโบล่ามากขึ้นเช่นกัน ซึ่งอาจเป็นหนทางหนึ่งในการเพิ่มอัตราผู้รอดชีวิตจากโรคระบาดชนิดนี้
เมื่อเดือน ส.ค ชาวอเมริกัน 2 คนผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบล่าจากผู้ป่วยในไลบีเรีย คนหนึ่งเป็นแพทย์และอีกคนเป็นหมอสอนศาสนา ถูกนำตัวกลับมารักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัย Emory ในนครแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย เมื่อเดินทางมาถึงผู้ป่วยทั้ง 2 คนถูกนำไปแยกห้องพิเศษ และมีแพทย์พยาบาลที่ได้รับการฝึกฝนด้านการรับมือโรคระบาดฉุกเฉินเป็นผู้ดูแล จนกระทั่งทั้ง 2 คนหายป่วยจากโรคร้ายนี้ได้ในที่สุด
ดร.Jay Varkey แห่ง รพ.Emory บอกว่าการดูแลผู้ติดเชื้ออีโบล่าอย่างถูกวิธีคือปัจจัยสำคัญในการเอาชนะเชื้อไวรัสชนิดนี้ ซึ่งการดูแลนั้นรวมถึงการมีพยาบาลพิเศษสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน การเฝ้าตรวจสอบของเหลวจากร่างกายผู้ป่วยตลอดเวลา และการทดแทนสารอิเล็กทรอไลต์อย่าให้ขาด โดยสารอิเล็กทรอไลต์นี้เป็นสารเคมีนำไฟฟ้าซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ตลอดจนควบคุมระดับของเหลว ความดันเลือด และยังเป็นตัวสำคัญในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย
ดร.Jay Varkey ระบุว่าแม้แต่ที่อาฟริกา ผู้ป่วยโรคอีโบล่าที่ได้รับการดูแลรักษาแบบเข้มข้น เช่นการทดแทนอิเล็กทรอไลต์จำพวกโปแตสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ซึ่งสูญเสียไปจากการถ่ายท้องหรืออาเจียน ให้อยู่ในระดับคงที่อยู่เสมอ สามารถช่วยเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของผู้ป่วยผู้นั้นได้
อย่างไรก็ตาม ดร.Varkey ชี้ว่ายารักษาโรคอีโบล่า เช่นยา Zmapp ซึ่งเป็นยาที่กำลังอยู่ในช่วงทดลอง ก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ชาวอเมริกัน 2 คนที่รักษาตัวอยู่ที่ รพ.แห่งนี้ หายจากโรคอีโบล่าได้เช่นกัน ถึงกระนั้นจากข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ ทางคณะแพทย์ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ายาดังกล่าวได้ผลจริงหรือไม่
ดร.Jay Varkey แห่ง รพ.มหาวิทยาลัย Emory บอกว่าขณะนี้ได้แบ่งปันข้อมูลเรื่องการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคอีโบล่าอย่างถูกวิธีนี้ ให้กับแพทย์พยาบาลที่ทำงานอยู่ในแถบอาฟริกาตะวันตกได้รับทราบแล้ว นายแพทย์อเมริกันผู้นี้หวังว่า หากสามารถใช้วิธีการดูแลรักษาอย่างถูกต้องอย่างที่กล่าวมากับผู้ป่วยโรคอีโบล่าได้มากขึ้น ก็น่าจะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคระบาดชนิดนี้ลงได้
ปัจจุบัน อัตราการเสียชีวิตจากโรคอีโบล่าในหมู่ผู้ติดเชื้ออยู่ที่ระดับประมาณ 50% แต่องค์การอนามัยโลกเชื่อว่าด้วยมาตรการต่างๆ เช่นการเพิ่มจำนวนศูนย์ดูแลผู้ป่วย การจัดหาอุปกรณ์และบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มขึ้น จะทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคอีโบล่าในแถบแอฟริกาตะวันตก ลดลงอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้
รายงานจาก Carol Pearson - ห้องข่าว VOA / เรียบเรียงโดยทรงพจน์ สุภาผล
