ประชากรเพศหญิงอเมริกันถือเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเกินครึ่งของทั้งหมด และในการชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯปลายปีนี้ระหว่างโจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งคู่ต่างก็มีแนวทางช่วงชิงคะแนนฐานเสียงกลุ่มนี้ในแบบของตัวเอง
แม้ว่าประเด็นของสตรีในเวทีการเมืองครั้งนี้ หลายครั้งจะเน้นหนักไปที่เรื่องกฎหมายการทำแท้งและสิทธิการเจริญพันธุ์ แต่เสียงจากผู้หญิงที่ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอ รวมถึงการรณรงค์หาเสียงหลายครั้งก็ขยายประเด็นไปถึงเรื่องอื่น ทั้งเศรษฐกิจ การดูแลสุขภาพ และอาชญากรรม
รีเบคคา เจนเซน จากรัฐมินนิโซตา กล่าวว่า ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่ลงชิงตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง สมควรได้รับคำชื่นชมสำหรับสิ่งที่เธอมองว่า เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและการดูแลสุขภาพ
เธอกล่าวว่า “ฉันเป็นพยาบาลและยังคงเห็นโควิดอยู่ในที่ทำงานบ่อย ๆ และคนก็พูดตลอดว่าเราอยู่ในยุคหลังโรคระบาด ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่” และกล่าวด้วยว่า “ดังนั้นฉันคิดว่าการมีใครสักคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์อยู่ในทำเนียบขาวก็เป็นเรื่องที่ดี”
ที่รัฐเนวาดา ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงอย่างจูลี เบนบ์ บอกว่า ต้องการให้โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเป็นประธานาธิบดีวาระที่สอง
เบนบ์ กล่าวว่า “เขา (ทรัมป์) ดีต่อเศรษฐกิจ ไม่มีสงคราม มีความสมัครสมานสามัคคี มีสันติภาพ ตอนนั้นพวกเราทุกคนทำงาน ราคาน้ำมันเป็นปกติ ฉ้นหมายความว่า…เขาเป็นคนที่วิเศษ เขารักประเทศของเขา เขาเป็นคนดี เขาสร้างครอบครัวที่ดีและเราจะพาเขากลับมา”
ไบเดนเจาะฐานเสียงผู้หญิงด้วยโครงการริเริ่มจากทำเนียบขาวในการวิจัยเรื่องสุขภาพของสตรี
ไบเดนกล่าวว่า “นึกถึงการค้นพบที่พวกเราทำได้ในทางการแพทย์ในภาพรวม แต่ผู้หญิงไม่ได้เป็นจุดที่ถูกโฟกัส การวิจัยค้นคว้า ใช้เวลานานเกินไปในการไปถึงพวกคุณ”
การรณรงค์หาเสียงของไบเดนที่เผยแพร่ในวันแม่แห่งชาติที่สหรัฐฯ เมื่อ 12 พฤษภาคม โจมตีวาทะของทรัมป์เกี่ยวกับนโยบายการแยกครอบครัวผู้อพยพย้ายถิ่นเข้าสหรัฐฯ ออกจากกัน โดยเชิญชวนผู้ลงคะแนนเสียงว่า “ในชีวิต ช่วยทำเรื่องที่ดีกับแม่ของคุณ หยุด ทรัมป์”
ทรัมป์กล่าวกับที่ประชุมของสตรีคริสเตียนอนุรักษ์นิยม ว่า เขาจะนำสันติสุขกลับมายังยุโรป โดยระบุว่า “ก่อนที่ผมจะเข้าไปถึงห้องทำงานรูปไข่ หลังจากผมชนะการเลือกประธานาธิบดีไม่นาน ผมจะคลี่คลายสงครามอันโหดร้ายระหว่างรัสเซียและยูเครน”
ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังเดินหน้าสร้างความนิยมในหมู่สตรีด้วยข้อความแบบดุดันในเรื่องที่เกี่ยวกับอาชญากรรมและการตรวจคนเข้าเมือง
ทรัมป์กล่าวว่า “ผมคิดว่าผมทำเพื่อแม่บ้านในพื้นที่ชานเมืองได้ดีเยี่ยม เพราะพวกเขาต้องการความปลอดภัย แต่พวกเขาถูกโขมยเครื่องเพชร พวกเขา (คนร้าย) เอากระเป๋าสตางค์ เครื่องใช้ไฟฟ้า นาฬิกา (และ) เงินของพวกเธอไปทั้งหมด และคนก็กลับมาพูดว่า เกิดอะไรขึ้น”
“ถ้าคุณไม่ต้องการอาชญากรต่างด้าวผิดกฎหมายคืบคลานผ่านหน้าต่างและกวาดของจากลิ้นชักพวกคุณ คุณต้องโหวตด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า เราต้องโยนไบเดนจอมโกงทิ้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
ศูนย์สำหรับสตรีและการเมืองอเมริกัน ระบุว่า ผู้หญิงในสหรัฐฯ เป็นผู้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดี มากกว่าผู้ชายมาตั้งแต่ช่วงปี 1980 แล้ว และในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 ข้อมูลจาก Pew Research ก็บ่งชี้ว่า ไบเดนได้รับคะแนนเสียงจากผู้หญิงมากกว่าทรัมป์ 11 เปอร์เซ็นต์
- ที่มา: วีโอเอ
กระดานความเห็น