ในช่วงที่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกเช่นนี้ การโดยสารเครื่องบินหรือเรือย่อมรู้สึกทำให้ผู้โดยสารปลอดภัยน้อยลง โดยเฉพาะเมื่อผู้โดยสารแทบไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคมกับผู้อื่นภายในห้องโดยสารที่มีพื้นที่จำกัดได้
ด้วยเหตุนี้้ สนามบินต่างๆ จึงใช้สารพัดวิธีเพื่อช่วยรับประกันความปลอดภัยทางสุขภาพแก่ผู้โดยสาร เช่น สนามบินนานาชาติแห่งนครลอสแอนเจลิสที่วัดอุณหภูมิผู้โดยสารเพื่อหาผู้โดยสารที่อาจไม่สบาย หรือวิธีที่น่าสนใจของสนามบินแห่งชาติเฮลซิงกิในฟินแลนด์ที่เริ่มทดลองใช้สุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้โดยสารที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสัปดาห์นี้
ในวงการการแพทย์ มีการใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจหาโรค เช่น มะเร็ง และ มาลาเรีย มาก่อนแล้ว โดยคาดว่าเป็นเพราะสุนัขสามารถดมกลิ่นของเสียจากการเผาผลาญที่ร่างกายมนุษย์ปล่อยออกมา ทำให้แยกแยะระหว่างมนุษย์ที่มีสุขภาพปกติและมนุษย์ที่เป็นโรคได้
สุนัขมีหน่วยรับกลิ่นถึง 220 ล้านหน่วยเมื่อเทียบกับมนุษย์ที่มีเพียง 5 ล้านหน่วย ทำให้สุนัขสามารถรับกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์ถึงหนึ่งหมื่นเท่า และสามารถดมกลิ่นสารที่ถูกละลายในสัดส่วนหนึ่งต่อหนึ่งล้านล้านได้ หรือเทียบได้กับสารหนึ่งหยดในน้ำปริมาณเท่ากับสระน้ำโอลิมปิค 20 สระรวมกัน
นักวิจัยของคณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ ทำการฝึกสุนัขให้สามารถตรวจกลิ่นหาไวรัสโควิด-19 มาตั้งแต่ช่วงต้นปี และรายงานว่าสามารถฝึกสุนัขให้แยกกลิ่นจากตัวอย่างปัสสาวะได้สำเร็จเมื่อเดือนพฤษภาคม และจนถึงขณะนี้ สุนัขถูกฝึกให้ดมกลิ่นหาไวรัสได้จากเหงื่อได้แล้วและเริ่มทดลองดมกลิ่นที่สนามบินเฮลซิงกิ
เว็บไซต์ International Airport Review ระบุว่า สุนัขเหล่านี้สามารถตรวจหาไวรัสโควิด-19 จากโมเลกุลเพียง 10 โมเลกุล เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อไวรัสในปัจจุบันที่ต้องมีโมเลกุลถึง 18 ล้านโมเลกุลถึงจะตรวจพบเชื้อ สุนัขดมกลิ่นยังสามารถบอกผลได้แม่นยำเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ และบอกได้แม้ผู้ติดเชื้อยังไม่แสดงอาการของโรคก็ตาม
นอกจากนี้ ุสุนัขดมกลิ่นสามารถบอกผลได้ภายในสิบวินาที ในขณะที่การตรวจทางแล็บยังต้องมีการใช้ไม้กวาดทางจมูก ใช้เวลารอผล และอาจมีค่าใช้จ่ายตามมา
สำหรับขั้นตอนการตรวจหาเชื้อไวรัสโดยสุนัขนั้น ผู้โดยสารต้องใช้ผ้าเช็ดคอ นำผ้าใส่ในกล่อง แล้วสุนัขจะดมผ้าในกล่องในคอกแยก ขั้นตอนนี้จะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสารและป้องกันไม่ให้ผู้ดูแลสุนัขสัมผัสติดต่อกับผู้โดยสารที่อาจมีเชื้อไวรัส โดยผู้โดยสารที่คาดว่าอาจมีเชื้อไวรัสโควิด-19 จะถูกนำตัวไปยังศูนย์สุขภาพของสนามบินเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสแบบไม่มีค่าใช้จ่ายต่อไป
ทั้งนี้ สนามบินเฮลซิงกิวางแผนว่าจะเริ่มใช้สุนัขสี่ตัวก่อน และอาจเพิ่มเป็นถึง 22 ตัวเมื่อมีสุนัขได้รับการฝึกมากพอ นักวิจัยยังเห็นว่า อาจใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อช่วยงานในสถานดูแลคนชราและโรงพยาบาลด้วยเช่นกันเพื่อไม่ให้บุคลากรด้านสาธารณสุขต้องกักตัวโดยไม่จำเป็น และอาจต้องเพิ่มสุนัขถึง 700-1,000 ตัว เพื่อให้ครอบคลุมสถานที่อื่นๆ เช่น โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ได้
แม้สัตว์จะสามารถติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ แต่สุนัขเหมือนจะติดไวรัสดังกล่าวได้ยาก และยังไม่มีหลักฐานด้วยว่าสุนัขสามารถแพร่เชื้อไวรัสไปยังมนุษย์หรือสัตว์อื่นได้