ชาวอเมริกันไม่สามารถหักห้ามใจที่จะไม่เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวในช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากกรมทางหลวงและสนามบินแสดงให้เห็นว่าปีนี้มีผู้เดินทางลดลงกว่าปีก่อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และยังพากันเมินเฉยต่อการขอร้องของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ที่ออกมาเรียกร้องให้คนอเมริกันยกเลิกการเดินทางในปีนี้ เพื่อช่วยกันยับยั้งการระบาดของโควิด-19
สำนักข่าวเอพี (Associated Press) รายงานว่าการที่คนอเมริกันไม่ยอมเสียสละลดการเดินทาง เป็นการส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงคริสต์มาสและช่วงปีใหม่ ในขณะที่อัตราการเสียชีวิตและการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากโควิด-19 พุ่งสูงสุดในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัปดาห์หลังวันหยุดขอบคุณพระเจ้า หรือ Thanksgiving โดยมีอัตราการเสียชีวิตกว่า 3,100 รายในวันพฤหัสบดีเพียงวันเดียว ทำลายสถิติผู้เสียชีวิตสูงที่สุดในวันเดียวก่อนหน้านี้ ในฤดูใบไม้ผลิเมื่อต้นปี
ข้อมูลการเดินทางโดยรถยนต์ที่ StreetLight Data รวบรวมและส่งมอบให้สำนักข่าวเอพี พบว่าในต้นเดือนพฤศจิกายน การเดินทางโดยรถยนต์ลดลง 20% จากปีก่อน แต่กลับมาพุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้า โดยเมื่อเทียบกับปีก่อน ลดลงไปเพียง 5% เท่านั้น
ในขณะที่ข้อมูลจากสนามบินพบว่าช่วงเทศกาลวันหยุดขอบคุณพระเจ้าเป็นช่วงเวลาที่มีการเดินทางพลุกพล่านมากที่สุดตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ถึงแม้ว่าจะยังน้อยกว่าปีก่อนมาก สำนักงานความปลอดภัยด้านการคมนาคมของสหรัฐฯ หรือ TSA ได้ทำการตรวจผู้โดยสารมากกว่า 1 ล้านคนต่อวันเป็นเวลา 4 วันในช่วงดังกล่าว ซึ่งตั้งแต่มีการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในปีนี้ มีเพียงวันเดียวเท่านั้นที่มีผู้โดยสารเครื่องบินมากกว่า 1 ล้านคน คือในวันที่ 18 ตุลาคม
ดร. ซินดี้ ฟรีดแมน แห่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ หรือ CDC กล่าวว่า ในจำนวนผู้โดยสารนับล้านคนที่เดินทางในช่วงนั้น หากมีเพียงไม่กี่คนที่ติดโควิด-19 แต่ไม่แสดงอาการ ก็สามารถแพร่เชื้อไปยังคนอื่น ๆ ได้อีกกว่าหลายแสนคน
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ ได้ขอร้องให้คนอเมริกันอยู่กับบ้านในช่วงเทศกาลวันหยุด แต่เจ้าหน้าที่ยอมรับว่าหลายคนไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอ ทางศูนย์ฯ จึงได้แนะนำให้คนเหล่านั้นตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนและหลังการเดินทาง
บุคคลที่ออกเดินทางในช่วงเทศกาลวันหยุด ยังรวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐ อย่าง นายกเทศมนตรีเมืองเดนเวอร์ และเมืองออสติน ในรัฐเท็กซัส ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังจากที่ขอให้ประชาชนอยู่กับบ้าน แต่ตนเองกลับเดินทางไปไหนมาไหนเสียเอง
ในขณะเดียวกันยอดผู้ติดเชือที่คาดว่าเกิดจากการเดินทางและการพบปะครอบครัวในช่วง Thanksgiving ได้เริ่มมีให้เห็นในเขตพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ และเพิ่มภาระให้กับโรงพยาบาลที่ต้องดูแลผู้ป่วยเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เช่น ในเขต วอร์เรน เคาน์ตี้ ในทางตอนบนของรัฐนิวยอร์ก ประมาณ 40% ของผู้ป่วยโควิด-19 ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เป็นผู้ที่เดินทางหรือไปพบปะผู้อื่นในช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้า ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องรับหน้าที่ เพิ่มเติมในการตรวจ contact tracing เพื่อย้อนติดตามผู้ที่เคยใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ป่วย
ในขณะเดียวกันมีคนอเมริกันอีกจำนวนมากที่ไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการเดินทางไปพบปะครอบครัวในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ทานานดรา เกรฟส์ เจ้าของกิจการวางแผนการท่องเที่ยวในรัฐเท็กซัส ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอพีว่าที่ผ่านมาหลายคนทำงาน และเรียนหนังสือจากบ้าน การได้ออกจากบ้านจึงเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งของเธอ และทำให้สมาชิกในครอบครัวใหญ่ของเธอทุกคนรู้สึกดีมีกำลังใจขึ้นมาก โดยเกรฟส์กล่าวว่าได้ปฏิบัติตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทางการให้ไว้
บางคนยังวางแผนที่จะไปเฉลิมฉลองวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ตามที่ต่าง ๆ และเยี่ยมพ่อแม่ผู้สูงวัยในวันคริสต์มาสนี้อีกด้วย
