อเมริกาเป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตเหนือเส้นศูนย์สูตร และทุกปีเมื่อย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ ซีกโลกด้านเหนือก็จะเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์ใกล้กว่า เป็นผลให้ซีกโลกนี้ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ยาวนานกว่าในแต่ละวัน เมื่อเทียบกับช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
จากความเป็นไปตามธรรมชาติที่ดำเนินมาหลายล้านปีแล้วนี้ เมื่อปี 2509 รัฐสภาสหรัฐได้ออกกฎหมายฉบับหนึ่งชื่อ Uniform Time Act of 1966 กำหนดให้มีการปรับเข็มนาฬิกาในช่วงย่างเข้าฤดูใบไม้ผลิ เพื่อให้มีจำนวนชั่วโมงของการรับแสงสว่างมากขึ้นในตอนกลางวัน และสอดคล้องกับภาวะธรรมชาติ
โดยคนอเมริกันในเกือบทุกรัฐมีหน้าที่ต้องเลื่อนเข็มนาฬิกาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในตอนต้นปี คือช่วงฤดูใบไม้ผลิ และปรับเลื่อนให้ช้าลง 1 ชั่วโมงในช่วงปลายปีเมื่อย่างเข้าฤดูหนาว
การปรับเวลาของเข็มนาฬิกาเพื่อใช้ประโยชน์จากแสงของดวงอาทิตย์ในช่วงกลางวันเพื่อช่วยประหยัดพลังงานที่ว่านี้ มีผลต่อเวลาในสหรัฐเท่านั้นไม่ได้เปลี่ยนเวลามาตรฐาน Greenwich หรือเวลา UTC แต่อย่างใด
ในขณะนี้แม้จะมีการปฏิบัติดังกล่าวมานานหลายสิบปีแล้วก็ตาม แต่ก็มีเสียงคัดค้านแนวทางปฏิบัติเรื่องการปรับเลื่อนเข็มนาฬิกาปีละสองครั้ง โดยมีเสียงเรียกร้องให้ไม่ต้องปรับเข็มนาฬิกาและใช้เวลามาตรฐานเดียวกันตลอดทั้งปี
ผู้ที่คัดค้านบางส่วนชี้ว่า การเลื่อนเข็มนาฬิกาให้เร็วขึ้นในช่วงต้นปีก่อนเข้าฤดูใบไม้ผลิ สร้างปัญหาให้กับเด็กนักเรียนมัธยมที่ต้องออกไปยืนท่ามกลางความหนาวเพื่อรอรถโรงเรียนในช่วงที่เวลาธรรมชาติยังมืดอยู่ แต่เวลาตามเข็มนาฬิกานั้นเช้าแล้ว
นอกจากนั้นยังมีการอ้างสถิติทางการแพทย์และสุขภาพด้วยว่า อัตราการเกิดหัวใจวายมักจะสูงขึ้นราว 10% ในช่วงสองสามวันแรกของการปรับเข็มนาฬิกาให้เร็วขึ้นในตอนต้นปี รวมทั้งยังมีความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เพราะคนทำงานต้องออกไปขับรถบนถนนเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงตามเข็มนาฬิกาแม้ว่าแสงสว่างโดยรอบยังไม่เพียงพอ
ในขณะนี้ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ใดๆ ว่ารัฐสภาสหรัฐจะออกกฎหมายแก้ไขกฎหมายเดิมเรื่องนี้ เพราะการปรับเข็มนาฬิกาปีละสองครั้งนี้มีเหตุผลสำคัญเรื่องการกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากการมีแสงสว่างในช่วงระหว่างวันมากขึ้น
แต่สำหรับผู้นำสหรัฐเอง ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน โดยระบุว่าตนนั้นเห็นด้วยเรื่องการไม่ต้องปรับเข็มนาฬิกากลับไปมาตลอดทั้งปี