รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนเริ่มแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนที่มีอายุ 16-17 ปี ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อหวังช่วยส่งเสริมการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้สำเร็จสูงสุด
หน่วยงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (National Health Service) ของอังกฤษ ประกาศในวันอาทิตย์เกี่ยวกับการเตรียมการดำเนินการเพิ่มประชากรอายุน้อยให้อยู่ในกลุ่มผู้มีสิทธิ์ได้รับวัคซีนโควิด-19 เข็มแรกภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งมีจุดประสงค์ “จะช่วยให้บรรดาวัยรุ่นในช่วงอายุดังกล่าว มีเวลา 2 สัปดาห์ในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ได้มากที่สุด แม้ว่า ในเวลานี้ จะมีประชากรกลุ่มดังกล่าวหลายหมื่นคนที่ได้รับวัคซีนไปแล้วก็ตาม
ขณะเดียวกัน ทางการอังกฤษยังได้เปิดตัวระบบค้นหาศูนย์ฉีดวัคซีนใหม่ที่จะช่วยให้วัยรุ่นอังกฤษที่มีสิทธิ์ได้รับวัคซีน สามารถหาจุดรับยาที่ใกล้ที่สุดด้วย
นอกจากประชากรกลุ่มอายุ 16-17 ปีแล้ว หน่วยงานบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษยังเสนอบริการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มีอายุ 12-15 ปี “ซึ่งมีความเสี่ยงด้านสุขภาพต่อการป่วยโรคโควิด-19 หรือเป็นผู้ที่อาศัยอยู่กับผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสนี้ด้วย”
แคนาดา-ฝรั่งเศส
ประชาชนจำนวนหลายพันคนในเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา และหลายเมืองในประเทศฝรั่งเศส ออกมาร่วมการเดินประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านแผนการออกพาสปอร์ตวัคซีนโควิด-19
ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป รัฐบาลรัฐควิเบก ของแคนาดา เตรียมดำเนินนโยบายขอตรวจหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากผู้ที่ต้องการเข้าใช้บริการในภัตตาคาร้านอาหาร บาร์ ยิม หรือเข้างานเทศกาลใดๆ ก็ตาม แม้ว่าอัตราการฉีดวัคซีนของประชากรวัยผู้ใหญ่ที่ได้รับยาอย่างน้อย 1 โดสแล้วในรัฐนี้จะอยู่ในระดับสูงถึง 84 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตราส่วนผู้รับวัคซีนครบโดสแล้วจะอยู่ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม
แต่ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าวออกมาเดินขบวนอย่างสงบ โดยบางคนบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ประชาชนควรมีสิทธิ์เลือกเองว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่ และการดำเนินมาตรการพาสปอร์ตวัคซีนนั้นก็คือการบังคับดีๆ นี่เอง
ส่วนที่ฝรั่งเศสนั้น การประท้วงเมื่อวันเสาร์เป็นการประท้วงวันที่ 4 ติดต่อกันแล้ว เพื่อต่อต้านการดำเนินมาตรการขอตรวจเอกสารพิสูจน์การฉีดวัคซีนก่อนเข้าใช้บริการในภัตตาคารร้านอาหาร และการเดินทางด้วยรถไฟเป็นระยะทางไกลๆ ซึ่งเริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่อัตราการติดเชื้อใหม่เริ่มเพิ่มสูงขึ้น เพราะการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝรั่งเศสรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 146,000 ราย โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 358 ราย ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขฝรั่ง่เศสชี้ว่า ประชาชน 9 ใน 10 คนที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพราะอาการป่วยโรคโควิด-19 นั้น คือผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
ออสเตรเลีย
ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์ ของออสเตรเลียประกาศดำเนินมาตรการล็อกดาวน์แบบฉับพลันเป็นเวลา 7 วัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เพราะการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัสที่เพิ่มสูงขึ้น
แกลดีส เบเรจิเคลียน นายรัฐมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวว่า “นี่คือสงครามดีๆ นั่นเอง” และว่า “เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาเป็นสิ่งที่ร้ายกาจจริงๆ”
โดยเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว รัฐแห่งนี้บันทึกตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ได้ 466 ราย และตัวเลขผู้เสียชีวิต 4 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่เลวร้ายที่สุดที่เคยบันทึกมา
สหรัฐฯ
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) รายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่นั้นพุ่งขึ้นเป็นกว่า 140,000 ราย โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาในกลุ่มผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยตัวเลขนี้ถือเป็นสถิติรายวันสูงสุดของสหรัฐฯ ด้วย
และในวันเสาร์ กระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชนสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ที่เป็นเด็กถึง 1,902 คนที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล โดยตัวเลขนี้ถือเป็นสถิติใหม่สำหรับประชากรกลุ่มเด็ก
ทั้งนี้ ผู้ที่มีอายุไม่ถึง 12 ปียังไม่ได้รับอนุญาตให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในสหรัฐฯ ได้
นอกจากนั้น CDC รายงานด้วยว่า จำนวนผู้ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพราะโควิด-19 พุ่งแตะระดับสูงสุดในทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่ผู้มีอายุ 18 ปี ถึง 49 ปี โดย 1 ใน 5 นั้นเป็นผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ทางใต้ของรัฐฟลอริดา ซึ่งมีผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลถึง 16,100 คนในวันเสาร์ที่ผ่านมา ตามข้อมูลที่สำนักข่าวรอยเตอร์ติดตามรวบรวมมา
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ยกหูโทรศัพท์เพื่อพูดคุยกับบรรดาผู้รับผิดชอบดูแลโรงเรียนรัฐในเขตต่างๆ ของรัฐแอริโซนา และ รัฐฟลอริดา ที่ท้าทายคำสั่งห้ามของผู้ว่าการรัฐฯ ซึ่งเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกัน ที่สั่งห้ามการดำเนินนโยบายบังคับให้ทุกคนต้องสวมหน้ากาก
คำแถลงจากทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ผู้นำสหรัฐฯ ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่เหล่านั้น เพื่อขอบคุณสำหรับภาวะผู้นำของแต่ละคน และเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแผนการเปิดการเรียนการสอนที่เน้นย้ำความปลอดภัยของนักเรียนที่จะกลับเข้ามาในชั้นเรียนเต็มเวลาอีกครั้งในปีการศึกษาใหม่ที่จะมาถึงนี้
รัสเซีย
ส่วนทีรัสเซีย ทางการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ที่ 795 ราย โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัสเซียกล่าวว่า การเพิ่มขึ้นนี้เป็นเพราะเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
แต่สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันนั้น มหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ชี้ว่า มีการลดลงจากจุดสูงสุดที่บันทึกได้เมื่อวันก่อนวันคริสต์มาสของปีที่แล้ว มาอยู่ที่ 21,661 ราย ในวันเสาร์ที่ผ่านมา
เซอร์เกย์ ซอบยานิน นายกเทศมนตรีกรุงมอสโก กล่าวว่า จำนวนผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในแต่ละวันในเมืองหลวงของรัสเซียนั้น ลดลงมาราวครึ่งหนึ่งจากเมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่อย่างเป็นทางการล่าสุดคือ สถิติในวันศุกร์ที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 2,529 ราย
(ข้อมูลบางส่วนมาจากสำนักข่าว เอพี)