ขณะนี้นายกซินโซะ อาเบะของญี่ปุ่นเป็นผู้นำประเทศคนหนึ่งซึ่งอยู่ในฐานะเหมือนกับประธานาธิบดีทรัมป์ที่ถูกโจมตีว่าตัดสินใจใช้มาตรการต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อรับมือกับโคโรนาไวรัสช้าไปและไม่เพียงพอ ดังตัวอย่างที่ว่าเมื่อปลายเดือนมีนาคมรัฐบาลญี่ปุ่นยังยืนยันว่าการแข่งกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวในเดือนกรกฎาคมปีนี้จะเดินหน้าต่อไปแต่ก็ต้องเปลี่ยนการตัดสินใจเลื่อนไปเป็นเดือนกรกฎาคมปีหน้าในที่สุด
เสียงโจมตีนายกรัฐมนตรีอาเบะดูจะรุนแรงขึ้นหลังจากที่ผู้นำรัฐบาลญี่ปุ่นทวีตเรียกร้องให้ประชาชนให้ความร่วมมือด้วยการอยู่ที่บ้าน โดยทวีตดังกล่าวเป็นวิดีโอที่แบ่งเป็นสองหน้า จอด้านซ้ายเป็นภาพชายผู้หนึ่งกำลังเล่นกีตาร์และจอด้านขวาแสดงภาพนายกรัฐมนตรีอาเบะแสดงท่าทางเบื่อที่ต้องอยู่กับบ้านและมีอิริยาบถต่างๆ นับตั้งแต่การอุ้มสุนัข การนั่งดื่มชาและอ่านหนังสือบนโซฟารวมทั้งนั่งดูโทรทัศน์ และเรียกร้องให้ทุกคนให้ความร่วมมือ
อย่างไรก็ตามคำวิจารณ์เกี่ยวกับทวีตของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นนี้นอกจากจะเป็นเรื่องที่ว่าภาพของผู้นำญี่ปุ่นซึ่งมาจากตระกูลทางการเมืองชั้นนำของประเทศจะอยู่ในสภาพสบายๆ ในคฤหาสน์ส่วนตัวที่โออ่าขัดกับความเป็นจริงของชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ซึ่งต้องอาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์อันคับแคบและยังต้องเดินทางไปทำงานเพราะนายจ้างส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้ทำงานจากบ้านแล้ว คนทำงานของญี่ปุ่นจำนวนมากยังต้องตกงานหรือถูกลดเงินเดือน และรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ไม่ได้บังคับใช้นโยบายอยู่ห่างๆ ทางสังคมอย่างจริงจังเพียงแต่ขอความร่วมมือโดยสมัครใจรวมทั้งยังไม่มีนโยบายให้เงินช่วยเหลือคนทำงานที่ประสบปัญหาด้านการเงินด้วย
อาจารย์ทากาโนริ ฟูจิตะของมหาวิทยาลัยเซกาคูนิน ผู้ทำงานในโครงการสนับสนุนคนยากไร้ชี้ว่าวิดีโอทวีตของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นภาพที่ทำให้คนทั่วไปเห็นได้ชัดว่าผู้นำญี่ปุ่นขาดความเข้าใจในสภาพปัญหาของคนทั่วไปและสื่อมวลชนของญี่ปุ่นก็ถึงกับพาดหัวว่านายกรัฐมนตรีอาเบะเป็นชนชั้นสูงที่ทวีตอย่างสวยหรูท่ามกลางปัญหาวิกฤตระดับชาติด้วย
ในขณะที่ผู้นำระดับชาติของญี่ปุ่นกำลังถูกโจมตีว่าขาดความเห็นอกเห็นใจและห่างเหินนั้น ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวกลับผลักดันให้ใช้มาตรการต่างๆ ในเมืองหลวงของประเทศอย่างจริงจังโดยเธอประสบความสำเร็จในการกดดันนายกรัฐมนตรีอาเบะให้ออกคำสั่งปิดไนท์คลับ สถานปาชิงโกะ ศูนย์เกมต่างๆ และอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ด้วย ถึงแม้ว่าคำสั่งปิดสถานชุมนุมที่อาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อนี้จะไม่รวมถึงร้านตัดผมและร้านเสริมสวยก็ตาม
และขณะที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีอาเบะกล่าวว่าต้องการเวลาอีกราวสองสัปดาห์เพื่อตัดสินใจว่าจะสั่งปิดธุรกิจซึ่งไม่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตหรือไม่นั้น ผู้ว่าการโคอิเกะได้สั่งปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็นในกรุงโตเกียวไปแล้วตั้งแต่วันเสาร์โดยสัญญาว่าจะจ่ายเงินชดเชยให้ธุรกิจขนาดย่อยรายละ 5 แสนเยนหรือราว 1 แสน 5 หมื่นบาทไทยรวมทั้งจะจ่ายให้ธุรกิจที่มีหลายสาขาเป็นเงิน 1 ล้านเยนหรือประมาณ 3 แสนบาทไทยเช่นกัน