ว่าที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ในวันจันทร์ เสนอชื่อ อดีตส.ส. ฮาเวียร์ เบเซร์รา เป็นว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชนสหรัฐฯ เพื่อรับผิดชอบการต่อสู้และการควบคุมการระบาดของโคโรนาไวรัส รวมทั้งดูแลการแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 ภายใต้รัฐบาลใหม่
ปัจจุบัน ว่าที่รัฐมนตรีสาธารณสุขฯ เบเซร์รา เป็นอัยการประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย และเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นผู้นำทีมต่อสู้คดีในศาลสูงสหรัฐฯ ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันยื่นฟ้อง เพื่อหวังยกเลิกกฎหมายประสุขภาพ Affordable Care Act หรือ โอบามาแคร์
ก่อนหน้านี้ เบเซร์รา เคยดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ต่อสู้ให้มีการผ่านกฎหมายที่ช่วยให้ชาวอเมริกันหลายล้านคนมีโอกาสได้รับการประกันสุขภาพ
นอกจากการเสนอชื่อว่าที่รมต.สาธารณสุขฯ แล้ว ว่าที่ปธน.ไบเดน ยืนยันการเลือก นายแพทย์ แอนโธนี เฟาชี่ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐฯ ให้เป็นหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านการรับมือวิกฤตโควิด-19 หลังจากที่ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขรายนี้รับหน้าที่ดูแลสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติต่อไป
ว่าที่ปธน.ไบเดน ยังเสนอชื่อ นายแพทย์ วิเวก เมอร์ธี ให้เป็น Surgeon General หรือ แพทย์ใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์รายนี้เคยดำรงตำแหน่งช่วงระหว่างปี ค.ศ. 2014 และ 2017 ภายในรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา
ในส่วนของตำแหน่งเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการแพทย์อื่นๆ ว่าที่ปธน.ไบเดน เสนอชื่อ แพทย์หญิง โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบ การป้องกันและการรักษาการติดเชื้อไวรัส จากรัฐแมสซาชูเซตส์ ให้เป็นว่าที่ผู้อำนวยการ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ หรือ CDC และเลือก แพทย์หญิง มาร์เซลลา นูเนซ-สมิทธ์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความเหลื่อมล้ำเกี่ยวกับบริการด้านสาธารณสุขในกลุ่มที่ไม่ใช่คนผิวขาวในสหรัฐฯ ให้เป็นประธานทีมงานเฉพาะกิจด้านความเสมอภาคสำหรับภารกิจต้านโควิด-19 ที่จะตั้งขึ้นใหม่
ทีมงานรับผิดชอบการส่งมอบอำนาจบริหารของว่าที่ปธน.ไบเดน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่จะเข้าร่วมงานกับรัฐบาลชุดใหม่ “จะช่วยเติมเต็มวิสัยทัศน์ของว่าที่ปธน. ในการทำให้เรื่องการรับบริการสาธารณสุขเป็นประเด็นของสิทธิ์ ไม่ใช่เอกสิทธิ์ สำหรับชาวอเมริกัน”
ขณะเดียวกัน ว่าที่ปธน.ไบเดน ระบุในแถลงการณ์หลังเปิดเผยรายชื่อต่างๆ ออกมาว่า เจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่จะมานำทีมงานด้านสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจและประสบความสำเร็จในสายงานของตน จะมาพร้อมกับความซื่อสัตย์ที่เปี่ยมด้วยจริยธรรม รวมทั้งความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์ และประสบการณ์ด้านการจัดการวิกฤตในระดับสูงที่สุด เพื่อช่วยอเมริกาให้ผ่านพ้นความท้าทายที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งที่ประเทศนี้เคยประสบมา พร้อมระบุว่า ภายหลังการปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม รัฐบาลชุดใหม่จะ “ขยายการทดสอบการติดเชื้อและการสวมใส่หน้ากาก รวมทั้งดูแลการแจกจ่ายยาและวัคซีนอย่างปลอดภัย เท่าเทียมกัน และไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายใด” ทันที