ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งให้กระทรวงการคลังตรวจสอบสถานภาพการได้รับการยกเว้นด้านภาษีและเงินอุดหนุนจากรัฐ ที่มหาวิทยาลัยและพื้นที่การศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศได้รับ หลังกดดันให้สถานศึกษาเตรียมเปิดการเรียนการสอนตามปกติเมื่อปีการศึกษาใหม่เริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ร่วง
ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตข้อความล่าสุดที่กล่าวว่า โรงเรียนและมหาวิทยาลัยหลายแห่งปลูกฝังแนวคิดหัวซ้ายอันรุนแรง แทนที่จะเป็นเรื่องของการศึกษา ดังนั้น ตนจึงสั่งการให้ให้กระทรวงการคลังกลับไปทบทวนตรวจสอบข้อมูลเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีและสิทธิ์การได้รับเงินสนับสนุน ซึ่งหากยังมีการทำการโฆษณาชวนเชื่อที่ว่า หรือ ทำการต่อต้านนโยบายสาธารณะต่อไป สิทธิ์ต่างๆ ที่ว่านี้ก็จะถูกถอน พร้อมย้ำว่า “เด็กๆ ของเราต้องได้รับการศึกษา มิใช่การปลูกฝังแนวคิด”
เด็กๆ ของเราต้องได้รับการศึกษา มิใช่การปลูกฝังแนวคิด
ท่าทีล่าสุดของปธน.ทรัมป์นี้ มีออกมาในวันศุกร์ตามเวลาในสหรัฐฯ หลังให้มีถ้อยแถลงมาตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ซึ่งระบุว่า ต้องการให้สถานศึกษาทั่วประเทศเปิดตามปกติ ตามความต้องการของทุกฝ่าย ซึ่งรวมถึงผู้ปกครองและเด็ก
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ ทวีตข้อความที่ระบุว่า สหรัฐฯ ล้าหลังประเทศตะวันตกอื่นๆ ในเรื่องการเปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนและโทษว่าเป็นความผิดของพรรคเดโมแครต ที่คิดว่า หากมีการเปิดการเรียนการสอนเร็วๆ นี้ และก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน จะไม่เป็นการดีในแง่ทางการเมืองของพรรคฝ่ายค้าน
ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำด้วยว่า การที่โรงเรียนเปิดทำการอีกครั้งหลังในปีการศึกษาใหม่ที่จะเริ่มในเดือนสิงหาคมนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งครอบครัวและเด็กๆ พร้อมขู่ว่า ถ้าสถานศึกษาใดไม่ทำตาม จะสั่งให้ตัดงบประมาณ
นอกจากนั้น ปธน.ทรัมป์ ยังกล่าวด้วยว่า ตนจะกดดันผู้ว่าการรัฐทั้ง 50 รัฐ ให้สั่งให้โรงเรียนในรัฐของตนเปิดและอนุญาตให้นักเรียนเข้าเรียนในชั้นเรียนในเร็วๆ นี้ด้วย
ในระหว่างการแถลงการณ์ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพุธ รองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ย้ำว่า สิ่งสำคัญก็คือการทำให้เด็กๆ กลับไปเรียนในชั้นเรียนได้ โดยอ้างว่า เด็กๆ จำนวนมากจากครอบครัวที่ยากจนจำเป็นต้นพึ่งอาหารเที่ยงที่โรงเรียนจัดหาให้ รวมทั้งเรื่องของกิจกรรมหลังเลิกเรียนต่างๆ ขณะที่ เบ็ตซี่ เดวอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯ กล่าวว่า โรงเรียนทุกแห่ง “ต้องเปิดและทำการเต็มรูปแบบ” และว่า ประเด็นมิใช่ว่า “ถ้าจะเปิด” แต่เป็น “จะทำอย่างไรให้เปิดได้”