รัฐบาลในยุโรปเริ่มแสดงความกังวลว่า ผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจจากวิกฤตการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะนำมาซึ่งคลื่นผู้อพยพชุดใหม่จากแอฟริกาและตะวันออกกลาง ในไม่ช้านี้
เอวาริสต์ บาร์โตโล รัฐมนตรีต่างประเทศมอลตา เรียกร้องให้ยุโรปเร่งทำการลงทุนเพิ่มในแอฟริกา เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่จะส่งผลให้มีการสร้างงานมากขึ้น และช่วยป้องกันเหตุการณ์อพยพของประชาชน พร้อมระบุว่า ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ราว 2 ใน 3 ของผู้ลี้ภัยเข้ามาในยุโรปนั้น เป็นผู้อพยพด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่เพราะเรื่องของสงครามและความไม่สงบ
รมต.บารโตโล เชื่อว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารา จะส่งผลให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า วิกฤตสาธารณสุขที่ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้าอยู่นี้ เป็นเหมือนตัวชะลอการอพยพ โดยข้อมูลจาก องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ของสหประชาชาติ หรือ IOM (International Organization for Migration) ชี้ว่า นับตั้งแต่ต้นปีนี้ มีผู้อพยพเข้ามาในยุโรปแล้วราว 50,000 คน ซึ่งถือว่าน้อยกว่าปีที่แล้วมาก เมื่อเทียบกับสถิติผู้อพยพทางทะเลในปี ค.ศ. 2019 ซึ่งอยู่ที่ 110,669 คน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่า เมื่อใดก็ตามที่มีการควบคุมการระบาดทั่วโลกได้ และผลกระทบทางเศรษฐกิจเริ่มชัดเจนขึ้น คลื่นการอพยพของผู้คนน่าจะกลับมาอีกครั้ง