วารสารการแพทย์ JAMA ของสหรัฐรายงานว่าการระบาดของโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในกลุ่มคนอายุค่อนข้างน้อยคือช่วงระหว่าง 18 ถึง 34 ปีโดยในคนกลุ่มนี้ที่ติดเชื้อ 21% ต้องเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู 10% ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและราว 3% เสียชีวิตด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนวัยหนุ่มสาวที่มีปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพมากกว่าหนึ่งอย่าง คือโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง และเบาหวานจะมีความเสี่ยงจากเรื่องนี้เพิ่มสูงมากขึ้น
นอกจากนั้นรายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคหรือ CDC ของสหรัฐยังระบุด้วยว่าการสำรวจผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการในสถานบริการด้านสุขภาพของสหรัฐ 11 แห่งแสดงว่าผู้ติดเชื้อดังกล่าวรายงานว่าตนเคยไปทานอาหารในสถานที่ปิดซึ่งหมายถึงว่าการเข้าไปในสถานที่ลักษณะนี้เพิ่มโอกาสความเสี่ยงของการติดเชื้อมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ไปราวสองเท่าตัว
ส่วนในอินเดีย มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เกือบ 1 แสนรายในวันเดียว คือเพิ่มขึ้น 96,551 คนในวันพฤหัสบดีและขณะนี้อินเดียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ราว 4 ล้าน 5 แสนคนซึ่งมากเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐ
ทางด้านเมียนมา เมื่อวันศุกร์รัฐบาลเมียนมาประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามการเดินทางออกจากนครย่างกุ้งศูนย์กลางด้านคมนาคมของประเทศรวมทั้งสั่งยกเลิกเที่ยวบินในประเทศทั้งหมดด้วย อย่างไรก็ตามมาตรการที่ว่านี้จะมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 1 ตุลาคม
ขณะนี้พม่ากำลังมีปัญหาการระบาดของโควิด-19 อย่างหนักเพราะเมื่อต้นเดือนสิงหาคมมีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างเป็นทางการในเมียนมาเพียงแค่ 353 ราย แต่ในเวลาไม่ถึงสามสัปดาห์ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึงห้าเท่าคือเป็น 2,265 รายเมื่อวันศุกร์และมีผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการไปแล้ว 114 คนในช่วงแปดวันที่ผ่านมา