ประชาชนชาวบราซิลที่เบื่อหน่ายกับมาตรการกักตัวเพื่อป้องกันการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ดำเนินมาเป็นเวลาครึ่งปี เริ่มทนไม่ไหวและมุ่งหน้าไปพักผ่อนริมทะเล แม้ว่าวิกฤติโควิด-19 จะยังคงดำเนินอยู่ก็ตาม
สำนักข่าว Associated Press รายงานว่า ประชาชนในเมืองใหญ่ๆ เช่น นครเซาเปาโล และ นคร ริโอ เด จาเนโร เริ่มแสดงท่าทีไม่สนใจคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ให้พยายามรักษาระยะห่างและแยกตัวออกจากฝูงชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ประธานาธิบดี จาอีร์ โบลโซนาโร ต่อต้าน ขณะที่พยายามผลักดันให้ผู้คนดำเนินชีวิตตามปกติมาตลอดระยะเวลาที่เกิดการระบาด และเรียกโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ว่าเป็นเพียง “ไข้หวัดเล็กน้อย” เท่านั้น
ตัวเลขล่าสุดจากมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮอพกินส์ ณ บ่ายวันจันทร์ตามเวลาในสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมในบราซิลแล้วกว่า 4.1 ล้านคน ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 3 ของโลก ขณะที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมนั้นเป็นอันดับที่ 2 ของโลกและอยู่ที่ 126,650 คน
แต่ในช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์นี้ ประชาชนจำนวนมากตัดสินใจออกเดินทางไปพักผ่อนตามริมชายฝั่งกันอีกครั้ง โดยผู้ที่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบอกว่า การอยู่ภายในเคหสถานเป็นเวลานานๆ อาจทำให้รู้สึกบ้าได้ และทันทีที่รัฐบาลประกาศเปิดหาดให้ผู้คนเข้าใช้พื้นที่ได้อีกครั้ง หลายคนจึงเลิกกักตัวและออกไปทะเลกัน
แพทริเชีย คานโต ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจจากมูลนิธิ ออซวาลโด ครูซ ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาด้านชีวะการแพทย์ชั้นนำของบราซิล เตือนว่า หากประชาชนชาวบราซิลละเลยและเพิกเฉยต่อสถานการณ์รอบตัว ประเทศนี้ก็อาจตกเข้าสู่งวังวนการระบาดอย่างที่เกิดขึ้นยุโรป เช่น ในสเปน ที่มีการระบาดระลอกที่ 2 แล้ว
ขณะเดียวกัน เจอราลโด ทาดิว ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ จากศูนย์การศึกษาและค้นคว้าด้านประชาธิปไตย กล่าวว่า การที่รัฐบาลขาดการประสานงานระหว่างหน่วยงานระดับต่างๆ เพื่อต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 นั้นส่งผลให้ชาวบราซิลจำนวนมากเสียขวัญและกำลังใจไปด้วย