ประชาคมโลกต่างแสดงความเสียใจต่อการถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวานนี้ ของ ‘มิคาอิล กอร์บาชอฟ’ ผู้นำคนสุดท้ายของสหภาพโซเวียต วัย 91 ปี
กอร์บาชอฟ คือผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับรัสเซียด้วยแผนปฏิรูป อันนำไปสู่การสิ้นสุดของสงครามเย็น และการเป็นอิสระจากลัทธิคอมมิสนิสต์ของประเทศในยุโรปตะวันออก แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต
ดังนั้นจึงมีคนจำนวนหนึ่งในรัสเซียที่กล่าววิจารณ์กอร์บาชอฟผ่านโซเชียลมีเดีย ว่าเขาทำให้รัสเซียอ่อนเเอลง ซึ่งบรรยากาศทางสังคมดังกล่าวได้เปิดทางไปสู่ความนิยมในตัว วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำคนปัจจุบัน ที่พยายามมาราว 20 ปี เพื่อฟื้นฟูภาพลักษณ์ของรัสเซียให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง
หลังจากที่ทั่วโลกทราบข่าวจากโรงพยาบาล Central Clinical Hospital ในกรุงมอสโกวที่ระบุเมื่อคืนนี้ว่า กอร์บาชอฟ ถึงแก่อสัญกรรมด้วยอาการป่วยหนักและยาวนานในช่วงที่ผ่านมา การเเสดงความเสียใจต่อความสูญเสียครั้งนี้หลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง
เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเทอเรซกล่าวว่า กอร์บาชอฟ เป็น "รัฐบุรุษที่ไม่มีใครเหมือน เป็นบุคคลที่สามารถเปลี่ยนเส้นทางเดินของประวัติศาสตร์โลก เขาคือคนที่มีบทบาทมากกว่าใครในโลก ที่ทำให้สงครามเย็นจบลงอย่างสันติ"
กูเทอเรซกล่าวด้วยว่า "โลกได้สูญเสียผู้นำโลกคนสำคัญ ซึ่งเป็นผู้ที่เชื่อในแนวทางพหุภาคีอย่างแน่วเเน่ และสนับสนุนให้เกิดสันติภาพอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย"
อดีตประธานาธิบดีกอร์บาชอฟ เรียนและฝึกฝนให้ทำงานด้านกฎหมาย ก่อนที่จะเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ และรับช่วงบริหารประเทศในปี 1985 เขานำพาประเทศผ่านระยะเวลา 6 ปีที่เกิดความผันผวนอย่างยิ่ง
เหตุการณ์ในช่วงนั้นประกอบด้วยการพังครืนลงของ "ม่านเหล็ก" รวมถึงการรวมประเทศเยอรมนี และการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ซึ่งประธานาธิบดีปูติน เรียกว่าเป็น "หายนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางภูมิรัฐศาสตร์โลกของศตวรรษที่ 20"
นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ของเยอรมนีชื่นชมบทบาทของกอร์บาชอฟในการรวมประเทศเยอรมนี แต่แสดงความเสียดายที่ความพยายามของกอร์บาชอฟที่จะสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนไม่ประสบความสำเร็จ
ทัศนะของโชลซ์ในเรื่องนี้ถูกมองว่าเป็นการวิจารณ์ปูตินอย่างอ้อม ๆ เพราะผู้นำคนปัจจุบันของรัสเซียถูกตำหนิจากนานาชาติบ่อยครั้งถึงการปราบปรามภาคประชาสังคม
นายกรัฐมนตรีอังกฤษบอริส จอห์นสัน กล่าวว่า "ในช่วงเวลาที่เกิดการรุกรานยูเครนของปูติน ความมุ่งมั่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยที่จะทำให้สหภาพโซเวียตเปิดกว้าง (โดยกอร์บาชอฟ) ยังคงเป็นตัวอย่างสำหรับเราทุกคน"
ในช่วงเช้าตรู่วันพุธ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวว่ากอร์บาชอฟ คือ "ผู้นำที่หายาก ผู้ซึ่งมีจินตนาการที่จะเห็นว่าอนาคตที่เปลี่ยนไปสามารถเกิดขึ้นได้ และมีความกล้าหาญที่จะเสี่ยงในอาชีพเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น"
"ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือโลกของเราปลอดภัยขึ้น และเกิดเสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ขึ้นต่อคนหลายล้านคน" ไบเดนกล่าว
ส่วนประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาคร็อง กล่าวว่ากอร์บาชอฟเป็น "บุรุษแห่งสันติภาพ" ผู้ที่ตัดสินใจ "กรุยทางสู่เสรีภาพ" ต่อชาวรัสเซีย "ความมุ่งมั่นให้เกิดสันติภาพของเขาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ที่ทุกคนมีร่วมกัน" มาคร็องกล่าวผ่านทวิตเตอร์
ทางการจีนชื่นชม กอร์บาชอฟ ในเรื่องที่เขามีบทบาททำให้ความสัมพันธ์จีนเเละรัสเซียดีขึ้นในทศวรรษที่ 1980s และ '90s หลังจากที่ทั้งสองประเทศมีความตึงเครียดกันทางอุดมการณ์และผลประโยชน์ในภูมิรัฐศาสตร์โลก
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน เจ้า หลี่เจียน กล่าวว่า "มิคาอิล กอร์บาชอฟสร้างคุณูปการที่ดีต่อการปรับความสัมพันธ์จีนเเละรัสเซียให้มีความเป็นปกติ ... เราขอเเสดงความเสียใจต่อการถึงเเก่อสัญกรรมของเขาและต่อครอบครัวของเขา"
แต่ในประเทศลิทัวเนีย ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสภาพโซเวียต มีผู้ปฏิเสธที่จะยกย่อง กอร์บาชอฟ
ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงปี 1991 ททารโซเวียตสังหารเหยื่อ 14 คนที่สถานีโทรทัศน์หลักของลิทัวเนีย อย่างไรก็ตามกอร์บสชอฟเคยปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้สั่งการโจมตีดังกล่าว
รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย กาเบรลุส แลนด์สเบอร์กิส กล่าวว่า "ชาวลิทัวเนียไม่สรรเสริญกอร์บาชอฟ ... เราจะไม่มีวันลืมว่ากองทัพของเขาสังหารประชาชนเพื่อให้ประเทศของเขายึดครองประเทศของเราได้นานขึ้น"
ประธานาธิบดีปูตินเเสดงความอาลัยต่อการสูญเสียนี้ เช่นกัน ผ่านถ้อยความที่ถูกถ่ายทอดโดยรัฐบาลเครมลินเมื่อวานนี้ ซึ่งระบุว่า "มิคาอิล กอร์บาชอฟ คือนักการเมืองและรัฐบุรุษที่มีอิทธิพลมหาศาลต่อประวัติศาสตร์โลก"
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า กอร์บาชอฟนำพาประเทศสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งเป็นการปฏิรูปที่จำเป็นในเวลานั้น
สื่อรัสเซีย Tass รายงานเพิ่มเติมว่า ร่างของกอร์บาชอฟ จะฝังที่สุสานโนโวเดวิชี ในกรุงมอสโกเคียงข้างกับภรรยาผู้ล่วงลับของเขา ขณะที่สื่อ Interfax รายงานว่าจะไม่มีพิธีศพอย่างเป็นทางการโดยรัฐ ต่อการถึงอสัญกรรมในครั้งนี้
- ที่มา: ข้อมูลบางส่วนจากรอยเตอร์