ทีมนักวิจัยศึกษาเรื่องความเกี่ยวโยงของสภาพอากาศและสิ่่งแวดล้อมต่อปัญหาความขัดแย้งทางสังคม ยึดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติใหญ่ๆที่สร้างความเดืือดร้อนต่อชาวโลกสองปรากฏการณ์เป็นหลักในการศึกษา คือ ปรากฏการณ์เอลนีนโญ่ กับ ปรากฏการณ์ลานีนญ่าแล้วเปรียบเทียบกับจำนวนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ทั่วโลกในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั้งสอง
ปรากฏการณ์ เอลนีนโญ่ คือ การมีกระแสน้ำร้อนผิดปรกติปรากฏขึ้นในเขตเส้นศูนย์สูตรในฝั่งตะวันออกและตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิก เกิดขึ้นทุกๆสามถึงห้าปี ปรากฏการณ์ลานีนญ่าเป็นปรากฏการณ์ตรงกันข้ามคือเกิดกระแสน้ำเย็นในมหาสมุทรแปซิฟิกจุดเดียวกัน แต่เกิดไม่บ่อยครั้งเท่าเอลนีนโญ่ ปรากฏการณ์กระแสน้ำร้อนและกระแสน้ำเย็นในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันออกและตอนกลางนี้ มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภููมิอากาศทั่วโลก อาทิ เกิดฝนตกหนักหรือเกิดภัยแล้ง
ในช่วงที่ทำการวิจัย ทีมผู้วิจัยนับได้ว่าเกิดปัญหาความขัดแย้งในสังคมมนุษย์ขึ้นถึง 234 ครั้ิงใน 175 ชาติ ในทวีปอาฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แปซิฟิกตอนใต้ และทวีปอเมริกาเหนือและใต้ นักวิจัยยังพบว่าครึ่งหนึ่งของเหตุการณ์ความขัดแย้งทั้งหมดทำให้คนตายจากการสู้รบมากกว่าพันราย
คุณโซโลมอน ชุง หัวหน้าทีมวิจัยมหาวิทยาลัยบริ้นตั้นในสหรัฐและผู้เขียนบทความหลักกล่าวว่า การศึกษานี้เป็นการบันทึกความเกี่ยวโยงด้านสถิติครั้งแรกระหว่างสภาพภููมิอากาศกับปัญหาความขัดแย้งของมนุษย์ในระดับทั่วโลกในยุคปัจจุบัน
คุณโซโลมอน ชุง กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่าเมื่อทีมนักวิจัยได้ศึกษาย้อนดูข้อมูลตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1950 พบว่าอย่างน้อยหนึ่งในห้าหรือยี่สิบเปอร์เซ็นของเหตุการณ์ความขัดแย้งในสังคมมนุษย์ทั้งหมดได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์กระแสน้ำร้อนเอลนีนโญ่และสูงกว่าอัตราการเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งของมนุษย์ในห้วงปีที่มีปรากฏการณ์กระแสน้ำเย็น ลานีนย่า หนึ่งเท่าตัว
คุณโซโลมอน ชุง กล่าวว่านักวิจัยไม่คาดคิดมาก่อนว่าผลกระทบจากปรากฏการณ์ธรรมชาติจะมีวงกว้างขนาดนี้เเละทำให้เชื่อว่านอกจากสภาพภูมิอากาศจะเป็นสาเหตุให้เกิดความขัดแย้งในสังคมมนุษย์แล้วยังกลายเป็นตัวแปรสำคัญตัวหนึ่งที่กำหนดลักษณะต่างๆของความรุนแรงทั่วโลก
นักวิจัยท่านนี้บอกว่า ผลการศึกษานี้ไม่ได้ชี้ว่า สภาพภูมิอากาศอย่างเดียว เป็นสาเหตุของสงคราม แต่ว่าหากนำไปรวมกับปัจจัยอื่นๆ อาจทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ได้ เขาบอกว่า สภาพความวุ่นวายทางการเมือง ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจเป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรงแต่สิ่งที่ทีมงานวิจัยค้นพบก็คือว่าปัจจัยปัญหาทางการเมือง สังคมและเศรษฐกิจ เมื่อมารวมกับปรากฏการณ์ทางสภาพภูมิอากาศแล้ว มีโอกาสก่อตัวเป็นชนวนของความรุนแรงได้มากขึ้น
คุณฮาล์วาร์ด บูเฮาก์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงกับปรากฏการณ์ทางสภาพภูมิอากาศที่สถาบันวิจัยด้านสันติภาพในกรุงออสโล นอร์เวย์ กล่าวว่าผลการวิจัยความเชื่อมโยงระหว่างสภาพภูมิอากาศกับปัญหาความขัดแย้งของมนุษย์มีความเชื่อถือแต่วิจารณ์ว่าการวิจัยยังมีช่องโหว่เพราะไม่ได้อธิบายเหตุผลว่าทำไมสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุของความขัดแย้ง
คุณฮาล์วาร์ด บูเฮาก์ กล่าวกับผู้สื่อข่าววีโอเอว่า จำเป็นมากที่ต้องหาหลักฐานมาชี้ไห้ได้่ก่อนว่ามีปัญหาใดๆเกี่ยวกับอาหาร ตั้งแต่การขาดแคลนอาหาร ราคาอาหาร และผลผลิตทางการเกษตรเกิดขึ้นหรือไม่ ในเขตที่มีเหตุการณ์ขัดแย้งรุนแรงที่นักวิจัยเชื่อว่าเป็นความรุนแรงที่มีสาเหตุจากสภาพภูมิอากาศ เขาบอกว่าถ้ายังไม่หาหลักฐานมาชี้ความเกี่ยวข้องกันนี้ไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นการด่วนสรุป
คุณโซโลมอน ชุงหัวหน้าทีมวิจัยเห็นด้วยต่อข้อวิจารณ์นี้ เขายอมรับว่าต้องมีการศึกษาในเชิงลึกเพื่อยืนยันว่าสภาพภูมิอากาศเป็นสาเหตุความขัดแย้ง เขาบอกว่าทีมนักวิจัยกำลังศึกษาหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการศึกษาวิจัยเรื่องนี้ต่อ
แต่คุณโซโลมอน ชุง เน้นว่าถึงแม้ว่าผลการศึกษาเชิงลึกยังไม่ออกมา เขาคิดว่ารัฐบาลทั่วโลกและองค์การให้ความช่วยเหลือนานาชาติ ควรหันมาให้ความสำคัญกับการพยากรณ์ปรากฏการณ์สภาพอากาศเอลนีนโญ่กันมากขึ้น ปัจจุบันสามารถพยากรณ์ปรากฏการณ์ทั้งสองอย่างได้ล่วงหน้าสองปี และการพยากรณ์นี้จะช่วยรัฐบาลและองค์การการกุศลเตรียมตัวและเตรียมทรัพยากรของตนในรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่นั้นๆได้